ข้อมูลสุนัขจรจัด
สุนัขจรจัดแบ่งออกเป็นสองประเภท
1.สุนัขชุมชน
คือสุนัขที่มีคนมีคอยเอาข้าวน้ำมาให้กิน บางทีก็ช่วยพาไปโรงพยาบาลเมื่อเจ็บป่วย
แต่ก็ไม่ได้ให้เข้ามาอาศัยอยู่ในบ้าน
และไม่ได้อ้างสิทธิ์ว่าเป็นเจ้าของของสุนัขตัวนี้
2.สุนัขจรจัด
คือสุนัขที่ไม่มีบ้านอยู่ ไม่มีคนให้อาหาร ต้องหาอาหารเอง เช่น คุ้ยขยะเป็นต้น
จำนวนสุนัขจรจัดในกรุงเทพมหานครโดยประมาณ
ในปัจจุบัน กรุงเทพมหานครมีสุนัขจรจัดอยู่ประมาณ 100,000 ตัว โดยในกรุงเทพมหานครมีศูนย์พักพิงเพียงแห่งเดียวคือเขตประเวศ
ซึี่งสามารถรับรองสุนัขจรจัดได้ประมาณ 1,000 ตัวเท่านั้น
จึงทำให้ต้องหาศูนย์พักพิงสุนัขจรจัดในพื้นที่อื่น เพื่อนำสุนัขจรจัดที่จับมา
ไปดูเเลในรูปแบบเดียวกัน ด้วยเหตุนี้
กทม.จึงสร้างศูนย์พักพิงสุนัขจรจัดขึ้นที่อ.ทัพพัน จ.อุทัยธานี
สำหรับรับรองสุนัขจรจัดตั้งเเต่ปีพ.ศ.2545 เป็นต้นมา
สาเหตุการเกิดสุนัขจรจัด
1.การขาดความรับผิดชอบของผู้เพาะพันธุ์และสมาคมที่เกี่ยวข้องกับพันธุ์สัตว์
2.การขาดความรับผิดชอบของสัตวแพทย์
3.การขาดความรับผิดชอบของหน่วยงานของรัฐบาล
4.อุบัติเหตุ
เช่นพลัดหลงออกจากบ้านแล้วกลับบ้านไม่ถูก รวมไปถึงคนที่เลี้ยงสุนัขแบบปล่อย
เจ้าของเพียงแต่ให้ข้าว ไม่ได้สนใจว่าสุนัขของตนจะไปที่ไหน ทำอะไร
5.เจ้าของทิ้ง
เนื่องจากสาเหตุปัจจัยต่างๆ เช่น
-สุนัขไม่สวยน่ารักอย่างที่นึก
ต่างจากที่คิดไว้เมื่อตอนซื้อมาขณะเป็นลูกหมา
-สุนัขเจ็บป่วย เบื่อในการรักษา
ค่ารักษา และภาระที่เพิ่มขึ้น
-นิสัยของสุนัขไม่เหมาะสม
เช่นดุร้ายหรือขี้ระแวง
-ไม่ทำหมัน
สุนัขในบ้านตั้งท้องออกลูกเพิ่ม ทำให้เลี้ยงไม่ไหว
ผลกระทบ
1.ผลกระทบทางสาธารณสุข
สุนัขจรจัดเป็นพาหะสำคัญของโรคพิษสุนัขบ้า และโรคที่สัตว์แพร่ใส่คนอื่นๆ ซึ่งคร่าชีวิตของคนเป็นประจำทุกปี
จนจัดว่าในกรุงเทพฯเป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่งในโลกที่มีสถิติของโรคพิษสุนัขบ้าสูงอันดับต้นๆ
รวมถึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน
2.ผลกระทบต่อสภาวะแวดล้อม
-ภาวะทางเสียง เช่นเห่า/หอน
สร้างความรำคาญ
-สร้างความสกปรก เช่น
อุจจาระและการคุ้ยขยะ
-ภาวะทางสายตา เช่น
สุนัขจรจัดเจ็บป่วย ทรมาน ทรุดโทรม
3.ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ
เช่นรัฐบาลต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อจัดการกับสุนัขจรจัดเป็นจำนวนมาก ประเทศไทยต้องเสียเงินตราต่างประเทศไปเพื่อนำเข้าวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าทั้งในคนและสุนัข
รวมถึงกรณีที่ถูกสุนัขจรจัดกัดด้วย
4.ผลกระทบต่อสุนัขจรจัด
-เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บบนถนน
-เป็นโรคต่างๆ
-เกิดภาวะขาดอาหาร
ต้องต่อสู้แย่งชิงอาหาร
-มีนิสัยดุร้ายและหวาดระแวง
-ถูกกำจัดโดยวิธีการต่างๆ เช่น
ยาเบื่อ ฉีดยาให้ตาย
-ถูกคนขับไล่ รังแก
-อาจถูกจับไปเป็นอาหารของคนที่กินเนื้อสุนัข
5.ต่อคนในสังคม
-เป็นพาหะสำคัญนำโรคพิษสุนัขบ้า และโรคสัตว์ติดคนอื่น
ๆ
โดยการกัดหรือติดเชื้อที่บาดเเผลการไดรับอันตรายจากสุนัขกัดและโรคพิษสุนัขบาเปนปญหาทางสาธารณสุขของประชากรที่
อาศัยอยูในกรุงเทพมหานคร โดยปญหาทั้งสองประการดังกลาวเปนปญหาสําคัญที่ไดรับความ
สนใจอยางมาก เนื่องจากมีผลกระทบตอเนื่องทางสุขภาพและทางการเงินจากการใชวัคซีน
และการรักษาพยาบาล จนถึงปจจุบันไมมีวิธีการควบคุมสุนัขจรจัดในประเทศไทยที่ได้ผลจริงจัง
-รบกวนและสร้างความเสียหายต่อปศุสัตว์ สร้างความไม่เรียบร้อยในสังคม
สงผลกระทบตอสวัสดิภาพและการใชชีวิตของประชาชนท่ีอยูรวมกันในสังคม
ท้ังนี้ เพราะสุนัขจรจัดไดกอใหเกิด
ปญหาที่มีผลกระทบตอคุณภาพชีวิตของคนในสังคมทั้งทางดาน
เศรษฐกิจ สังคม สภาพแวดลอม สาธารณสุข และสุขภาพอนามัย ดังน้ันปญหาสุนัขจรจัดใน
กรุงเทพมหานครจึงไมไดจํากัดขอบเขตของผลกระทบเพียงแคเปน ”ปญหาสุนัข” เทานั้น แตปญหา สุนัขจรจัดไดขยายตัวขึ้นจนกลายเปน
“ปญหาสังคม” ดวย
ถึงแมจะมีขอมูลที่ชัดเจนถึงประโยชนในการควบคุมสุนัขจรจัดที่มีผลตอการควบคุมโรคพิษสุนัขบา
แตนโยบายในการ “กําจัด” สุนัขจรจัดยังไมเปนที่ยอมรับจากสาธารณะชนอยางที่ควรจะเปน
ทั้งนี้ เพราะอิทธิพลของศาสนาและคานิยมทางสังคมที่มีตอนโยบายการกําจัดสุนัขจรจัดยังมีอยูสูงมาก
วิธีการควบคุมสุนัขจรจัดที่ไดรับการยอมรับจากสาธารณะชน
ก็คือ “การสรางสถานที่เลี้ยงสุนัข
จรจัด” แตวิธีการดังกลาวตองใชงบประมาณคอนขางสูงและใชพื้นที่ขนาดใหญ
และถึงแมวิธีการนี้ จะสามารถลดจํานวนสุนัขจรจัดไดในอนาคตแตก็จะไมชวยหรือชวยนอยมากตอการขจัดปญหา
โรคพิษสุนัขบา ดังนั้น การจัดการปญหาสุนัขจรจัดจะตองเปนการจัดการที่ไดผลตอการลดจํานวน
ของสุนัขและลดอัตราการเปนพาหะโรคพิษสุนัขบาในสุนัขจรจัดดวย
กรุงเทพมหานครจึงไมไดจํากัดขอบเขตของผลกระทบเพียงแคเปน
”ปญหาสุนัข” เทานั้น แตปญหา
สุนัขจรจัดไดขยายตัวขึ้นจนกลายเปน “ปญหาสังคม” ดวย
สามองค์กรสำคัญที่มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา
ได้แก่..
-ภาครัฐ
-สัตวแพทย์
-ประชาชน
การแก้ปัญหาที่มีอยู่แล้วในตอนนี้
1.การฉีดยาคุมกำเนิดหรือทำหมัน
2.จับมารวมกันในสถานดูแล
3.กำจัดทิ้ง ไม่ว่าจะเป็น วางยาเบื่อ
ฉีดยาให้ตาย ฯลฯ
จากที่ได้รวบรวมมามีการเสนอแนะวิธีการแก้ปัญหาสุนัขจรจัดไว้ดังนี้
1.การกรองสุนัขจรจัดออกจากสุนัขที่มีเจ้าของให้ชัดเจน
โดยออกกฎหมายเจ้าของห้ามปล่อยสุนัขของตนออกจากพื้นที่ส่วนตัว
(นั่นก็คืออยู่ในบ้านเท่านั้น) เด็ดขาด
หากสุนัขสร้างความเสียหายแก่ผู้อื่นไม่ว่าจะเป็น ไปกัด ขโมยของ
เจ้าของจะต้องเป็นคนรับผิดชอบทั้งสิ้น ถ้าจำเป็นจะต้องนำสุนัขออกนอกพื้นที่ส่วนตัว
ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา เช่น มีสายจูงหรือกรงเป็นต้น
ข้อดีของวิธีนี้
-ช่วยลดอุบัติเหตุ ในกรณีที่สุนัขวิ่งตัดหน้ารถหรือไล่เห่า
-ช่วยลดการแพร่ระบาดของโรคพิษสุนัขบ้า
-ลดปัญหาขับถ่ายในที่ที่ไม่เหมาะสม
-ป้องกันสุนัขดุร้ายทำร้ายคน
-ลดการขยายพันธุ์ของสุนัข
ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสุนัขจรจัด
2.ให้เจ้าของนำสุนัขที่เลี้ยงหรือกำลังจะเลี้ยงไปทำการสักเบอร์หู
พร้อมกับขึ้นทะเบียนและทำประวัติให้เรียบร้อย
ซึ่งการขึ้นทะเบียนสุนัขยังเป็นการตรวจนับจำนวนประชากรสุนัขไปในตัวด้วย
ยังสามารถควบคุมโรคพิษสุนัขบ้าโรคอื่นๆได้ง่ายขึ้น
โดยให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบตรวจเช็คประวัติของสุนัข
ว่าสุนัขตัวใดยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าบ้าง
เพื่อติดต่อไปยังเจ้าของให้นำสุนัขมาฉีดวัคซีนต่อไป จุดประสงค์ของการสักเบอร์หูคือเพื่อให้ทราบว่าสุนัขที่มีเจ้าของอยู่ที่ไหนและใครเป็นเจ้าของเท่านั้น
ข้อดีของวิธีนี้
-มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการฝังชิพซึ่งมีค่าใช้จ่ายแพงกว่ามาก
3.เมื่อคัดแยกสุนัขจรจัดออกมาจากสุนัขที่มีเจ้าของแล้ว
ให้เจ้าหน้าที่มาตามจับสุนัขจรจัดทั้งหมดไปอยู่รวมกัน
โดยแยกเพศผู้และเพศเมียออกจากกัน เพื่อป้องกันออกลูกเพิ่มจำนวนอีก
ซึ่งวิธีนี้ไม่จำเป็นต้องทำหมันแต่อย่างใด เพราะอย่างไรก็ตาม
นัขจะถูกแยกเพศกันอยู่แล้ว จากนั้นก็เลี้ยงสุนัขจรจัดทั้งหมด จนกว่าจะสิ้นอายุขัย
ข้อดีของวิธีนี้
-ไม่เป็นการทรมานสุนัข
-สุนัขจะตายตามอายุขัย
-จำนวนสุนัขจะไม่เพิ่มขึ้นจากเดิม
4.จัดให้มีสถานที่และเจ้าหน้าที่สำหรับทำโครงการ
หาบ้านใหม่ให้สุนัข ทุกวันนี้ก็มีโครงการเหล่านี้อยู่บ้างแล้ว เพียงแต่ควรส่งเสริมให้ดูชัดเจนมากขึ้น
โดยการคัดเลือกสุนัขที่มีความเหมาะสมทางด้านนิสัยและพฤติกรรมให้กับผู้ที่มีความพร้อมที่จะเลี้ยงสุนัข
และควรจะทำหมันให้สุนัขทุกตัวที่ร่วมโครงการนี้ด้วย
ข้อดีของวิธีนี้
-สุนัขจะได้มีเจ้าของและได้รับความเอาใจใส่มากขึ้น
-เจ้าของที่ต้องการจะรับไปเลี้ยงจะได้ไม่ต้องเสียเงิน
5.รณรงค์ให้ผู้ที่ต้องการเลี้ยงสุนัข
มารับอุปการะสุนัขจากที่สถานรับเลี้ยงแทนการซื้อสุนัขตัวใหม่จากร้าน ขอความร่วมมือให้เจ้าของสุนัข
ทำหมันสุนัขทุกตัวที่ไม่ต้องการให้มีลูกแม้แต่ตัวผู้ก็ตาม เพื่อป้องกันการแพร่พันธุ์โดยไม่ได้ตั้งใจ
สุดท้ายจำนวนสุนัขจรจัดที่เหลืออยู่ก็จะค่อยๆลดจำนวนลงจนหมดไปในที่สุด
สุนัขจรจัดไปไหน
เมื่อไม่มีเจ้าของ (ในกรุงเทพมหานคร)
สุนัขจรจัดสร้างความเดือดร้อนให้ผู้คนในหลายๆเรื่อง
ผู้ที่เดือดร้อนบางคนใช้วิธีโทรเเจ้งเทศกิจให้จับไป และยังมีมูลนิธิ
หรืองค์กรต่างๆที่ให้ความช่วยเหลือสุนัขจรจัดช่วยไว้ด้วย
มาเริ่มที่เทศกิจก่อน ว่าเจ้าหน้าที่เทศกิจจับยังไง
และเอาสุนัขเหล่านั้นไปไว้ที่ไหน
แต่ละปีมีผู้ร้องเรียนเรื่องสุนัขจรจัดมาทางสายด่วนของกทม.(1555)
ประมาณ 4,500เรื่องต่อปี และเรื่องที่ร้องเรียนมามากที่สุดคือ
1.พบเห็นสุนัขบ้า/สงสัยว่าติดเชื้อพิษสุนัขบ้า
2.ดุร้าย สร้างความเดือดร้อน
3.เห่า/หอน สร้างความรำคาญ
หลังรับแจ้งไม่เกิน 7 วัน
เจ้าหน้าที่เทศกิจก็จะลงพื้นที่ไปพูดคุยกับผู้ร้องเรียน เพื่อสอบถามถึงปัญหา
และถ้าเจอเจ้าของสุนัข ก็ให้เจ้าของสุนัขเจรจากับผู้เดือดร้อน
(แต่ส่วนมากแล้วจะไม่พบเจ้าของสุนัข) เจ้าหน้าที่จะยึดผลเจรจาเป็นหลักว่าจับ
หรือไม่จับ
การจับสุนัข เจ้าหน้าที่จะต้อนสุนัขไปจนมุมแล้วใช้สวิงครอบ
และนำใส่กรง หรือรถกรงไปไว้ที่ ศูนย์พักพิงสุนัขประเวศ
เมื่อไปถึงศูนย์พักพิงสุนัขประเวศ
เจ้าหน้าที่จะฉีดวัคซีนป้องกันโรค
เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่สุนัขในศูนย์พักพิง
จากนั้นจะกักตัวดูอาการว่ามีอาการของโรคอื่นๆหรือไม่
จากนั้นรอให้เจ้าของรับลงกลับคืน7วัน
ถ้าเจ้าของยังไม่มารับคืน ก็จะส่งไปคอกรวม เเละรออีก7วัน
ถ้ายังไม่มีผู้มาอุปการะ ก็จะส่งสุนัขไปยังศูนย์พักพิงสุนัขที่ัจังหวัดอุทัยธานี
โดยจะเลี้ยงไว้ที่นั่นรอผู้มาอุปการะจนหมดอายุขัยสุนัข ซึ่งตอนนี้มีสุนัขในการดูแลของกทม.ประมาณ6,000ตัว และกทม.ต้องเสียค่าใช้จ่าย ทั้งการฉีดวัคซีน ทำหมัน เเละอาหารประมาณปีละ
24.5ล้านบาท
ต่อกันที่มูลนิธิและองค์กรต่างๆที่ให้ความช่วยเหลือสุนัขจรจัด
จากเท่าที่ไปค้นหามา ก็มีชมรม/มูลนิธิต่างๆดังนี้
มูลนิธิเพื่อการรักษาสุนัขจรจัด
*วัตถุประสงค์ของมูลนิธิ
-รักษาสุนัขจรจัดยามเจ็บไข้ได้ป่วย
-รณรงค์จิตใต้สำนึกให้กับประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับสุนัขจรจัด
-ช่วยสัตว์ป่วย และเป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็วเพื่อการช่วยเหลือสัตว์ตามที่สาธารณะต่างๆ
และสัตว์ที่ถูกกักขัง/ทำร้าย
-พร้อมเป็นคลินิกเคลื่อนที่บำบัดสัตว์ป่วยทุกชนิด
-จัดการครูฝึกสุนัขมาฝึกสอนสุนัขจรจัด
-หาเจ้าของให้สุนัข
-ช่วยภาครัฐในการควบคุม/ป้องกัน โรคติดต่อ ให้สาธารณะชุมชนดีขึ้น
-เผยแพร่ และเเลกเปลี่ยนความรู้การวิจัยและรักษา
-ดูแลสุนัขจรจัดให้มีสุขภาพและอนามัยดีขึ้น และหาที่พักให้ต่อไป
-ร่วมมือกับองค์กรอื่นๆเพื่อสาธารณะประโยชน์
การติดต่อมูลนิธิ
ที่อยู่(รพ.สัตว์โรจน์นิรัดร์) ห้อง301 อาคารเกษมกิจ
เลขที่120 ถ.สีลม แขวงสุริวงศ์ เขตบางรัก กทม.10500
ที่อยู่(สำนักงานโพธิ์แก้วล้อม)ตั้งอยู่ในวัดทุ่งครุ เลขที่9
หมู่ที่5 ซ..ประชาอุทิศ84 ถ.ประชาอุทิศ แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กทม.10140
โทร.02
463 9283,027466498
องค์กรการกุศล
Pic A Pet4Home
เป็นกลุ่มที่ประกอบไปด้วยคนที่รักและให้ความช่วยเหลือสัตว์
กลุ่มมีที่ปรึกษาที่คอยให้ความรู้ และให้คำปรึกษา มีทั้งท่านที่เป็นสัตวแพทย์
และบุคคลที่ให้ความช่วยเหลือองค์กรต่างๆเกี่ยวกับสัตว์
กลุ่มเน้นการหาผู้มาอุปการะสุนัขและแมวจรจัด
โดยจะทำหมันและฉีดวัคซีนให้ทั้งหมด
ติดต่อ
โทร.089 669 1690,081 4512233
และกลุ่มสุดท้าย DOGCHANCE
ก่อตั้งโดยผู้ที่รักสุนัข
และต้องการช่วยเหลือสุนัข
เป้าหมายของชมรมคือการ
-ปลุกจิตสำนึกของคนให้มีความรับผิดชอบต่อสัตว์เลี้ยง
-ให้คนปฏิบัติต่อสุนัขอย่างมีเมตตา
-ทำหมันสุนัขเพื่อป้องกันการเพิ่มจำนวนของสุนัข
และกลุ่มได้รณรงค์ในเรื่องของการลดจำนวนสุนัขจรจัด
ฉีดวัคซีนต่างๆ
โดยเน้นการทำหมันสุนัข
ติดต่อ โทร.02 258 7097
pymberly@hotmail.com
งานวิจัยที่เกี่ยวกับพฤติกรรมของสุนัข
งานวิจัยเกี่ยวกับสุนัขและพฤติกรรมของมัน
สุนัขจะมีการสื่อสารออกมาในรูปแบบต่างๆกันออกไป ได้แก่..
1.ท่าทาง ประกอบไปด้วยการแสดงออกทางใบหน้าและลำตัว
เช่น การแยกเขี้ยว การแกว่งหาง ฯลฯ
2.เสียง เสียงหอน เสียงเห่า
เสียงขู่และเสียงคราง
3.กลิ่น
กลิ่นจะมาจากอุจจาระและปัสสาวะของสุนัข บ่งบอกถึงอาณาเขตและสถานการณ์สืบพันธุ์
เมื่อมีการค้นคว้าละเอียดมากขึ้น
จึงได้เป็นพฤติกรรมการสื่อสารและความหมายของสุนัขออกมา
พฤติกรรม ความหมาย
1.การกระดิกหาง แสดงความรักและดีใจ
2.การทำหางตั้งขึ้น สงสัยอะไรบางอย่าง
3.การทำหางตก/จุกตูด แสดงความกลัวหรือยอมแพ้
4.การเอาจมูกแตะกัน/ดมก้น สุนัขทำความรู้จักกัน
เป็นการหยั่งเชิงซึ่งกันและกัน
5.การนอนหงาย แสดงการยอมแพ้
เพื่อจะได้ไม่ถูกทำร้าย
6.การปัสสาวะ ประกาศอาณาเขตที่อยู่
7.การเดินวนไปวนมา การจับจองบริเวณ
แสดงความเป็นเจ้าถิ่น
8.การเลียและคลอเคลีย แสดงความรักและเป็นมิตร
9.การใช้จมูกดมตามพื้น หาที่ขับถ่ายหรือเพื่อค้นหา
10.การเห่า แสดงอาการระวังภัยหรือติดต่อกับสุนัขในฝูง
11.การขู่ ใช้เพื่อขู่ผู้ต่อสู้
12.การหอน แสดงอาการว้าเหว่หรือหาคู่
13.การคราง เมื่อรู้สึกดีใจ
เจ็บปวดหรือเครียด
14.การทำงายข้าวของ เรียกร้องความสนใจ
อาจะเกิดจากการถูกทิ้งหรือเก็บกด
จากการศึกษาพบว่าพฤติกรรมการกินของสุนัข
เมื่อสุนัขมีการกินอาหารพร้อมกันหลายตัว
ปริมาณการกินของแต่ละตัวจะเพิ่มขึ้นมากกว่าการกินอาหารตัวเดียว
ในกรณีที่อาหารมีจำนวนจำกัด จะพบการจัดลำดับทางสังคมของสุนัขชัดเจน
สุนัขที่มีสถานะในสังคมสูงสุดจะได้กินก่อนและปริมาณมาก และสุนัขจะกินน้อยลงเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสู่สภาพแวดล้อมใหม่
อย่างไรก็ตาม สุนัขเป็นสัตว์ที่ปรับตัวได้รวดเร็ว โดยจะปรับตัวได้ภายใน 3 วันเท่านั้น
โรคต่างๆจากสุนัขจรจัด
สุนัขจรจัดเป็นพาหะนำเชื้อโรคต่างๆมากมาย
ซึ่งโรคเหล่านี้ล้วนมีอันตราย บางโรคสามารถทำให้เสียชีวิต
ดังนั้นการป้องกันไว้ก่อนจึงเป็นวิธีที่ดีกว่าการรักษาเมื่อติดโรคนั้นๆแล้ว
โรคต่างๆที่สุนขจรจัดเป็นพาหะเชื้อโรคได้แก่
1.โรคพิษสุนัขบ้า เป็นโรคจากเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดอาการอักเสบเฉียบพลันในสมองของสัตว์เลือดอุ่นรวมถึงมนุษย์ด้วย
เกิดจากการโดนสุนัข แมวและสัตว์เลือดอุ่นอื่นๆที่มีเชื้อนี้อยู่ในตัวกัดหรือข่วน
เชื้อโรคจะแพร่โดยน้ำลายและของเหลวจากร่างกาย หากโดนกัด การปฐมพยาบาลเบื้องต้นคือ
ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดนานๆ จะช่วยลดจำนวนเชื้อโรคได้
พร้อมทั้งรีบไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าโดยเร็ว
สุนัขที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้ามักมีอาการเซื่องซึมหรือก้าวร้าว
ไม่กินอาหารหรือกินน้อยลง กลัวน้ำ ฯลฯ
สาเหตุที่สุนัขจรจัดมักจะเป็นโรคพิษสุนัขบ้ามากกว่าสุนัขที่มีเจ้าของ
เป็นเพราะสุนัขจรจัดไม่มีคนมาคอยฉีดวัคซีนป้องกันให้ อาการเริ่มต้นของโรคพิษสุนัขบ้าในมนุษย์
มีไข้และเป็นเหน็บบริเวณที่สัมผัส อาการเริ่มต้นนี้มักเกิดอาการอื่นๆตามมาอย่างน้อย
1
อาการ เช่น เคลื่อนไหวอย่างรุนแรง มีความตื่นเต้นควบคุมไม่ได้ กลัวน้ำ
ขยับร่างกายบางส่วนไม่ได้ และไม่รู้สึกตัว เมื่อเกิดอาการสุดท้ายนี้จะถึงแก่ชีวิต
2.โรคจากปรสิต คือโรคที่เกิดจากสัตว์ที่เข้ามาอาศัยอยู่ในร่างกายของสัตว์อื่นเพื่อเจริญเติบโต
กินอาหารหรือเลือดและแพร่ขยายจำนวน ทำให้มนุษย์อ่อนแอและเจ็บป่วยง่ายแพร่โดยการสัมผัส
ปรสิตสามารถแพร่เข้ามาในร่างกายของมนุษย์ได้หลายทางด้วยกัน ได้แก่
-ทางปาก ด้วยการกินอาหารที่มีการปนเปื้อนไข่ปรสิตชนิดต่างๆทั้งพยาธิ
แฟลเจลเลต สปอโรซัว ไมโครสปอริเดียและซิลิเอต ผู้ที่บริโภคอาหารที่ไม่สุก
ผ่านความร้อนไม่พอ จะเป็นกลุ่มเสี่ยง
-ทางผิวหนัง ปรสิตจะเข้าสู่ร่างกายโดยการชอนไชผิวหนังที่มีบาดแผลหรือผิวหนังส่วนบาง
การป้องกันคือหลีกเลี่ยงการสัมผัสสุนัขที่ไม่มีเจ้าของ
3.สัตว์พาหะ ได้แก่ ยุ่ง เห็บ หมัด เป็นต้น ดื่มเลือดเป็นอาหาร
ซึ่งเป็นเหตุให้ปรสิตขนาดเล็กสามารถแพร่เข้าสู่ระบบเลือด และทำให้เกิดโรคต่างๆตามมา
เช่น โรคมาลาเรียจากเชื้ออะมีบา หรือเกิดจากการสัมผัสสัตว์ที่เป็นโฮสต์เช่น สุนัข
แมว ไก่ ฯลฯ ทำให้ปรสิตบางชนิดสามารถกระโดดเกาะและกลายเป็นปรสิตในมนุษย์ได้
การรักษาโรคปรสิตกลุ่มเซลล์เดียว
สามารถใช้วิธีฉีดหรือรับประทานยาที่สามารถฆ่าปรสิตนั้นได้ เช่นยา Quinacrine
หรือ Metronidazole เพื่อรักษาโรคไจอาร์ดิเอซิส(Giardiasis) ฯลฯ ส่วนการรักษาโรคปรสิตกลุ่มหลายเซลล์มีดังนี้
-ปรสิตในกลุ่มของพยาธิจะใช้ยากำจัดพยาธิชนิดรับประทาน
-ปรสิตในกล่มที่ชอบดูดกินเลือดตามร่างกาย
รักษาด้วยการทำความสะอาดร่างกายให้สะอาด
การป้องกันโรคจากปรสิต
สามารถทำได้หลายทาง
-เลือกรับประทานอาหารที่ปรุงสุก
ทั้งเนื้อสัตว์และผักชนิดต่างๆ
-ล้างมือบ่อยๆและล้างให้สะอาดก่อนหยิบจับอาหาร
-เลือกดื่มน้ำที่สะอาด
-เก็บอาหารให้พ้นจากการสัมผัสของสัตว์พาหะทุกชนิด
-หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติโดยตรง
-ป้องกันอันตรายจากการกัดของสัตว์พาหะด้วยการแต่งกายมิดชิด
หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ที่อาจมีปรสิตอยู่
-หมั่นทำความสะอาดเครื่องนุ่งห่มและที่อยู่อาศัยให้สะอาดอยู่เสมอ
4.ขี้กลาก เกิดจากการติดเชื้อราของผิวหนัง
โดยการสัมผัส จะเกิดเป็นจุดแดงๆหรือสะเก็ตบริเวณผิวหนัง โดยเฉพาะที่ศีรษะ
ข้อพับแขนและขา ป้องกันโดยการหลีกเลี่ยงไม่สัมผัสสัตว์ที่เป็นโรคเรื้อน ฯลฯ
และทำความสะอาดร่างกายให้สะอาด