ไปบ้านรักหมาที่ม.มหิดล
29/8/59
วันนี้พวกเรานัดกันไปสถานรับเลี้ยงสุนัขจรจัดที่ใช้ชื่อว่า บ้านรักหมา
สถานรับเลี้ยงนี้ตั้งอยู่ที่มหาวิทยาลัยมหิดลฯ เนื่องจากต้องการไปสังเกต
การดูแลสุนัขจรจัด และเก็บข้อมูลจากสถานที่จริง แม่อ้อได้แนะนำว่าที่นี่มีสถานรับเลี้ยงสุนัขจรจัดที่มหาวิทยาลัยนี้
ฉันจึงหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับสถานรับเลี้ยงที่มหาวิทยาลัยมหิดลฯ
จนได้รู้ว่าเค้ามีชื่อว่าบ้านรักหมานั่นเอง ที่พวกเราเลือกไปสำรวจบ้านรักหมาเพราะเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างใกล้และสะดวกต่อการเดินทาง
สมาชิกทุกคนมากันครบ
ก็นั่งรถรางซึ่งมีไว้บริการฟรีมุ่งตรงไปยังบ้านรักหมา เมื่อมาถึง ฉันสังเกตดูรอบๆ
ลักษณะของที่นี่จะมีบ้านอยู่ 4 หลังด้วยกัน
ไม่เชิงเป็นบ้าน มันเหมือนคอกล้อมกันอยู่
รอบๆนั้นจะเป็นห้องสำหรับให้สุนัขอยู่และตรงกลางเป็นสนามหญ้า บ้านที่ล้อมอยู่นั้นจะมีชื่ออยู่
หลังแรกชื่อว่า เรือนแรกรับ
สามารถรู้ได้เลยว่าเรือนนี้เป็นเรือนสำหรับสุนัขที่เพิ่งจับมาใหม่ๆ
เรือนที่สองมีชื่อว่า เรือนปรับนิสัย
น่าจะเป็นเรือนสำหรับสุนัขที่อยู่ในช่วงปรับนิสัย
จากที่ก้าวร้าวหรือขี้กลัวให้เชื่องขึ้น เรือนที่สามและสี่คือ เรือนรอบ้านใหม่
นั่นคือสุนัขที่ผ่านการฝึก ทำให้เชื่อง
ฉีดยาป้องกันโรคต่างๆเช่นโรคพิษสุนัขบ้าและทำหมันแล้วเรียบร้อย
เหลือแค่รอคนมารับไปเลี้ยง
พวกเราเดินเข้าไปสังเกตใกล้ๆ
สุนัขบางตัวเพียงมองมาเฉยๆ แต่บางตัวก็เห่า
เมื่อมีตัวหนึ่งเริ่มเห่าตัวอื่นๆก็พากันเห่าตาม ภายในห้องๆหนึ่งจะมีสุนัขอยู่ 3-4 ตัว และแบ่งออกเป็นสองส่วนส่วนแรกคือพื้นกระเบื้อง
เป็นส่วนที่มีสุนัขนอนกันอยู่
มีถาดน้ำกับรางอาหารซึ่งมีอาหารเม็ดใส่อยู่จำนวนหนึ่ง และอีกส่วนคือพื้นดิน
มีไว้สำหรับให้สุนัขขับถ่าย เราเหลือบไปเห็นคุณน้าและคุณยายที่กำลังเดินดูสุนัขพอดี
แม่อ้อก็คงจะเห็นเช่นเดียวกันจึงบอกพวกเราว่า โอกาสดีแล้ว เข้าไปสัมภาษณ์เลย
พวกเราเลยรี่ตรงไปยังทั้งสอง ฉันเข้าไปสวัสดีแล้วก็บอกว่าพวกเรากำลังศึกษาเรื่องของสุนัขจรจัด
จึงอยากจะขอสัมภาษณ์ ทั้งคู่ใจดีบอกว่าได้ พวกเราขออนุญาตถ่ายวิดิโอเก็บไว้
คุณน้าและคุณยายมีท่าทีอิดออด
แม่อ้อจึงมาช่วยบอกให้ว่าวิดิโอนี้จะนำไปประกอบการศึกษาของพวกเรา
สักพักก็ยอมให้ถ่าย พี่ซีอัดวิดิโอ ข้าวปุ้นถ่ายรูป ส่วนฉัน พี่แปม ขมิ้น
ปุ้นเละปั้นสอบถามข้อมูล พร้อมทั้งจดไปด้วย แต่สักพักฉันรู้สึกว่าจดไม่ถนัด
เพราะยืนจดด้วย และคิดว่ามันคงดูไม่ดี ถ้าแต่ละคนต่างก้มหน้าจด
คนถูกสัมภาษณ์คงรู้สึกไม่ดีนัก ฉันเลยยกหน้าที่จดรายละเอียดให้พี่แปม
ซึ่งจดได้เร็วและละเอียดจัดการไป ขณะที่ฉันเป็นคนตั้งคำถามขึ้นมาเรื่อยๆ
1.เพราะอะไรจึงมาเอาสุนัขจากที่นี่
ที่บ้านตอนแรกมีสุนัขอยู่ 6 ตัว เป็นพันธุ์บางแก้วทั้งหมด ต่อมาก็ค่อยๆทยอยตายลงทีละตัว
สุนัขที่บ้านตายไปจนเหลือแค่ตัวเดียว และมันก็เหงาซึม
จึงอยากจะหาสุนัขไปอยู่เป็นเพื่อนมัน
2.แล้วทำไมถึงไม่ซื้อสุนัขจากตามร้าน
เพราะว่าอยากจะช่วยสุนัขที่ไม่ค่อยมีคนสนใจ
ขาดความรัก สุนัขที่บ้านทุกตัวก็ไม่เคยซื้อเลย ซื้อแค่ตอนแรกเท่านั้น ที่เหลือก็รับมาเลี้ยงทั้งหมด
3.เพราะอะไรจึงเลือกมาดูสุนัขที่นี่
ความจริงดูมาหลายที่แล้ว
แต่เห็นว่าที่นี่มันอยู่ใกล้บ้าน เลยแวะเข้ามาดูก่อน
4.คิดมาหรือเปล่าว่าจะเลือกสุนัขเพศใด
คิดไว้ว่าจะเอาตัวเมีย
เพราะที่บ้านก็เป็นตัวเมีย จะได้อยู่เป็นเพื่อนกัน
5.คิดอย่างไรกับปัญหาสุนัขจรจัด เพราะอะไรจึงมีสุนัขจรจัด
คิดว่ามันเป็นปัญหาสังคมที่ค่อนข้างหนักเลยทีเดียว
สาเหตุน่าจะมาจากการที่เจ้าของขาดความรับผิดชอบ เลี้ยงตามแฟชั่น
เมื่อเบื่อก็ทิ้งขว้างเหมือนไม่ใช่สุนัข หากเราคิดจะเลี้ยงสุนัขแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบเลี้ยงมันจนตาย
อย่างสุนัขที่อยู่ที่บ้าน พอแก่ก็มีโรคประจำตัวเราก็จะคอยพาไปรักษาอยู่เสมอ
เราขอบคุณที่สละเวลามาตอบคำถาม
แล้วเดินออกมา แม่อ้อตามมาทางฉัน พี่แปม และคนอื่นๆที่ทำหน้าที่สัมภาษณ์และบอกว่า
เห็นข้อผิดพลาดอะไรจากตัวเราบ้างจากการสัมภาษณ์นี้ ฉันบอกว่าไม่มีคำถามสำหรับถาม ณ
ตอนนั้นที่สัมภาษณ์เลย ฉันนึกคำถามไม่ค่อยออก
เลยทำให้เกิดความเงียบขึ้นมาเป็นช่วงๆ
จึงทำให้พ่อๆแม่ๆที่ดูเหมือนจะมีคำถามมากมายอดที่จะถามบ้างไม่ได้
แม่อ้อบอกว่าเราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้างในอนาคต อย่างการที่ได้สัมภาษณ์คุณน้าและคุณยายนี้ก็เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะได้ไปสัมภาษณ์ทันทีที่มาถึง
ดังนั้นเราต้องเตรียมพร้อมเอาไว้เสมอ
อย่างในกรณีนี้คือเราจะต้องนึกคำถามที่อยากจะถามไว้ล่วงหน้าแล้ว อาจจะนึกไว้เล่นๆ
เผื่อว่าจะได้เอามาใช้จริงๆเช่นวันนี้ เราทุกคนพยักหน้ารับ สักพักพวกเราก็เห็นเจ้าหน้าที่เดินออกมาคนหนึ่งพอดี
แม่อ้อพยักหน้า พวกเราเลยเดินเข้าไปหา
บอกว่ากำลังศึกษาเรื่องของสุนัขจรจัดอยู่และขออนุญาตถามคำถาม
พี่เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าเป็นเรื่องทั่วไปสามารถถามได้
แต่ถ้าเป็นเรื่องของสถิติหรือเรื่องจำพวกนี้ พี่เค้าไม่สามารถตอบให้ได้
เพราะเรื่องแบบนี้ต้องไปถามจากอาจารย์ที่คอยดูแลเรื่องนี้อยู่แทน เราตอบตกลง
1.ทำงานมากี่ปีแล้ว
แล้วทำไมถึงทำงานที่นี่
ทำงานมาปีเดียว ที่มาทำงานที่นี่
ส่วนหนึ่งเพราะมีคนแนะนำมา และก็รักสุนัขด้วย
2.ทำหน้าที่อะไรบ้าง
อาบน้ำให้สุนัขสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ทำความสะอาดกรงทุกวัน คอยเติมน้ำและอาหาร (หากมีอาหารอยู่ในรางตลอด
สุนัขจะกินทีละนิด แต่ถ้าให้เป็นเวลาสุนัขจะมีความหิว
และอาจทะเลาะกันเพื่อแย่งอาหาร)
แล้วก็จะปล่อยสุนัขออกมาเดินเล่นยืดเส้นยืดสายที่สนามหญ้าตรงกลางวงล้อมในช่วงเช้าเพื่อทำความสะอาดกรง
3.ขั้นตอนการนำสุนัขมาทำอย่างไร
บ้านรักหมา
จะรับสุนัขจากเฉพาะสุนัขที่อยู่ในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยเท่านั้น
เมื่อเจอสุนัขขั้นแรกก็ต้องดูก่อนว่ามันเชื่องหรือไม่
ถ้าเชื่องก็พาขึ้นรถมาที่นี่ได้เลย แต่ถ้าไม่เชื่อง ก้าวร้าวหรือหวาดระแวง
ก็จะต้องวางยา โดยจะใส่ยานอนหลับลงในอาหารแล้วให้มันกิน จากนั้นก็จะมัดปาก
จับมาที่นี่ ฝังชิพเพื่อสำหรับการติดตาม ทำการฉีดยาป้องกันโรคต่างๆ(ต่อให้สุนัขฉีดยาไปแล้ว
แต่เราก็ไม่มีทางรู้ ดังนั้นได้สุนัขมาใหม่ก็ฉีดยาให้หมด
เพราะการฉีดยาซ้ำไม่ทำให้เกิดผลอะไร)และทำหมัน หากสุนัขมีบาดแผล เช่นตาบอด ฯลฯ
ก็ทำการรักษาเลยในช่วงนี้
จากนั้นก็เอาไปไว้ในกรงหนึ่งก่อนเพื่อดูว่ามันมีท่าทางอย่างไร
จากนั้นก็เอาไปอยู่รวมห้องกับสุนัขตัวอื่นๆ โดยจะต้องดูให้สุนัขแต่ละตัวถูกกัน
ในสังคมสุนัขจะมีจ่าฝูง ตัวที่เป็นใหญ่อยู่แล้ว หากสุนัขใหม่ยอมเคารพก็จะไม่มีเรื่องอะไร
แต่สุนัขใหม่ไม่ยอม อาจเกิดการกัดกัน
ในตอนแรกอาจจะปล่อยให้มันกัดกันไปจนรู้ผลแพ้ชนะ ตัวที่แพ้ก็จะเคารพตัวที่ชนะ
แต่ถ้ายังกัดกันไม่มีตัวไหนยอมก็ต้องแยกห้องกันอยู่
ต่อมาก็จะทำการฝึกสุนัขให้มีนิสัยเชื่อง และสอนพื้นฐานเช่น นั่ง หมอบ สวัสดี
เป็นต้น เมื่อผ่านการฝึกมาแล้ว ก็จะย้ายไปอยู่ในเรือนรอเจ้าของนั่นเอง
เพื่อรอคนที่ต้องการมารับไปเลี้ยงต่อไป
4.สุนัขที่ได้มาส่วนใหญ่มีลักษณะอย่างไร
ส่วนใหญ่สุนัขที่มาก็จะมีอายุ
5 ปีขึ้นไป เพราะแก่แล้ว มีโรคต่างๆไม่อยากพาไปรักษาก็นำมาทิ้ง
สุนัขที่มาส่วนใหญ่ก็มักจะมีลักษณะบาดเจ็บ เช่น ขาหัก ตาบอด เป็นต้น
หรือบางทีก็จะมีเป็นสุนัขแม่ลูกอ่อน ส่วนเพศของสุนัขนั้นก็มีปะปนกันไป
5.ส่วนใหญ่คนจะรับสุนัขลักษณะใดไปเลี้ยง
ขึ้นอยู่กับความต้องการของตัวเจ้าของเอง
หากต้องการสุนัขที่เลี้ยงไว้เป็นเพื่อนเล่น ก็มักจะเลือกสุนัขที่มีนิสัยที่เชื่อง
ขี้เล่น แต่ถ้าหากต้องการนำไปเลี้ยงให้สุนัขเฝ้าบ้าน
ก็มักจะเอาสุนัขที่เห่าเก่งและค่อนข้างดุ
นิสัยนี้เหล่านี้มักจะเป็นนิสัยของสุนัขตัวผู้
6.อุปสรรคของการทำงานตอนนี้มีอะไรบ้าง
ตอนนี้เรื่องค่าใช้จ่ายอาหารไม่มีปัญหา
เพราะตอนนี้ทางเพ็ทดิกรีได้สนับสนุนอาหารให้ฟรีอยู่ ปัญหาที่มีอยู่น่าจะเป็นเรื่องของการที่ไม่ค่อยมีคนรับสุนัขที่อายุมากไปเลี้ยง
เนื่องจากอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษา
สุนัขที่เข้ามาเพิ่มก็มักจะมีแต่สุนัขที่อายุมากแล้วทั้งนั้นและเรื่องของค่าใช้จ่ายยาและวัคซีนต่างๆ
7.สุนัขที่รับมาแล้วก้าวร้าวหรือหวาดระแวง
มีวิธีจัดการอย่างไรบ้างให้มันเชื่อง
ส่วนใหญ่แล้วสุนัขที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวนั้น
หากมันก้าวร้าวอยู่แล้ว ยากที่จะทำให้มันเชื่องลง แต่กระนั้นวิธีที่พอจะทำได้ก็คือ
ให้เวลากับมัน เอาอาหารไปให้ ถ้ามันยอมก็จะค่อยๆเชื่องขึ้นเรื่อยๆ
นี่คือข้อมูลที่พวกเราได้มาจากเจ้าหน้าที่
2 คนที่ทำงานดูแลสุนัขจรจัดเหล่านี้ คนหนึ่งทำงานมา 1
ปี ส่วนอีกคนทำมา 8 ปีแล้ว
เมื่อสอบถามมาก็พบว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 2
ต่างก็เลี้ยงสุนัขไว้ที่บ้าน เลี้ยงไว้ให้เฝ้าบ้าน เราเดินกลับกลับมาเล่าให้แม่อ้อฟัง
แม่อ้อถามว่าได้แนะนำตัวเองหรือยังว่าเป็นใคร มาจากโรงเรียนอะไร พวกเราสะดุ้ง
ลืมแนะนำตัวเอง ไปถามเขาเสียเยอะแต่ไม่แนะนำตัวเองก่อน
อย่างนี้เขาจะอึดอัดสงสัยไหมนี่
พวกเราเลยรีบเดินกลับไปหาพี่เจ้าหน้าที่อีกครั้งพร้อมกับบอกว่าพวกเรามาจากโรงเรียนรุ่งอรุณ
ต้องทำโครงงานกลุ่มเรื่องสุนัขจรจัด และแนะนำตัวเองแต่ละคนว่าใครชื่ออะไรบ้าง
แม่อ้อถามเจ้าหน้าที่ว่าตอนที่พวกเราสัมภาษณ์อึดอัดไหม พี่เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าไม่
โล่งอกไปเปลาะหนึ่ง
การที่ไปสัมภาษณ์ใครสักคนนั้น
อย่างแรกจะต้องเข้าไปแนะนำตัวเอง และบอกว่ากำลังทำโครงงานอยู่ก่อน
จากนั้นก็ต้องถามว่าเขาติดธุระอยู่หรือไม่ หากเขาไม่รีบก็ค่อยเริ่มการสัมภาษณ์
การสัมภาษณ์ผู้คนทั่วไปนั้นแม่อ้อบอกว่าส่วนใหญ่แล้วข้อมูลสำคัญๆจะได้มาจากข้อมูลที่ผู้ถูกสัมภาษณ์พูดขึ้นมาเอง
ดังนั้นบางครั้งถ้าผู้ถูกสัมภาษณ์มีพูดไปถึงเรื่องอื่นๆด้วย
เราก็สามารถเก็บข้อมูลนั้นไว้ด้วย เผื่อว่าสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้
เมื่อได้ข้อมูลที่ต้องการแล้วก็ต้องขอบคุณคนที่เราไปสัมภาษณ์ที่สละเวลามาช่วยตอบคำถามของเรา
คุณยายและคุณน้าที่พวกเราสัมภาษณ์ไปเมื่อครู่ตกลงใจรับสุนัขตัวหนึ่ง
มีสีนวลๆขนยาว มีลิ้นสีด่างและมีชื่อว่าสโนว์ เมื่อต้องการจะรับสุนัขไปเลี้ยง
จะต้องเขียนที่อยู่และเบอร์ติดต่อไว้ให้เจ้าหน้าที่ด้วย
เผื่อว่าในอนาคตเจ้าหน้าที่ต้องการจะติดต่อไปเพื่อถามทุกข์สุขของสุนัข
ในเมื่อเจ้าสโนว์กำลังจะได้ไปบ้านใหม่ พวกเราจึงขออนุญาตเก็บภาพไว้ด้วย เมื่อเจ้าหน้าที่ผูกสายจูงให้สโนว์
มันดูดีใจมาก กระดิกหางไม่หยุด พวกเราเก็บภาพ จนรถคันนั้นแล่นหายไป
ฉันรู้สึกตื้นตันและดีใจไปกับสโนว์ด้วย
เพราะในที่สุดก็จะได้ไปอยู่บ้านใหม่ที่สบายขึ้น
มีเพื่อนและเจ้านายที่จะเลี้ยงมันอย่างดี เจ้าหน้าที่
ให้เบอร์ติดต่ออาจารย์เอกมา
และบอกว่าอาจารย์เอกคือคนที่คอยดูแลโครงการนี้ สามารถโทรสัมภาษณ์อาจารย์ได้
พวกเรากล่าวขอบคุณพี่เจ้าหน้าที่ที่ให้พวกเราเข้ามาศึกษาการดูแลสุนัขจรจัดของที่นี่
ก่อนจะลาออกมาเพื่อพักรับประทานอาหารกลางวัน แม่อ้อบอกว่าเดี๋ยวลองโทรหาอาจารย์ดู
ถ้าโชคดีก็อาจจะได้ไปหาอาจารย์และสัมภาษณ์
รวมทั้งถามถึงขั้นตอนการเขียนหนังสือขออนุญาต
เพื่อเข้าไปอ่านงานวิจัยของมหาวิทยาลัยนี้ด้วย
ก่อนรับประทานอาหาร
พี่แปมและฉัน(ซึ่งไปอยู่เป็นเพื่อน)ก็โทรไปหาอาจารย์
เมื่อพี่แปมวางสายก็บอกฉันว่าอาจารย์บอกว่าอีก 15 นาทีอาจารย์จะเดินมาหาที่โรงอาหารนี้เลย
(เพราะพวกเรานั่งรับประทานอาหารอยู่ที่โรงอาหารของคณะสัตวแพทย์นั่นเอง)
พวกเรารีบกลับมาที่โต๊ะแล้วรีบช่วยกันนึกคำถามสำหรับจะนำไปสัมภาษณ์อาจารย์
ด้วยเวลาเพียงน้อยนิด พวกเรารีบเค้นความคิดออกมา
นึกถึงข้อมูลที่เราอยากจะได้จากอาจารย์ โดยเฉพาะข้อมูลที่พี่เจ้าหน้าที่ตอบไม่ได้
เมื่อได้คำถามมาประมาณ 10 ข้อ
พวกเราก็เริ่มต้นรับประทานอาหาร โดยที่สายตาก็คอยมองไปทางบันได้ขึ้นมายังโรงอาหาร
เมื่อเห็นอาจารย์มายืนรอที่บันได พวกเราก็รีบเดินออกไปหาอาจารย์
พวกเรารีบสวัสดีอาจารย์ก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะหน้าบันไดนั้นเอง และเริ่มต้นทำการสัมภาษณ์อาจารย์
1.ความเป็นมาของโครงการ
เริ่มโครงการ เมื่อปีพ.ศ.2050 โดยอ.ปิยสกล
เพราะว่าหมาในมหาวิทยาลัยเยอะเเละเริ่มสร้างผลกระทบเช่นเเย่งอาหาร วิ่งตัดหน้ารถ
ฯลฯ การริเริ่มโครงการนี้ขึ้นมา ทำให้เกิดสองมุมมองทั้งเห็นด้วยเเละคัดค้านเพราะเห็นว่าเป็นการจำกัดบริเวณของหมา
ทำให้เกิดเรื่องเพราะยังไม่มีการทำเรื่องอย่างเป็นทางการ
หรือบางครั้งนักศึกษาก็เข้าไปอุ้มหมาออกมาเองเลยเพราะไม่เห็นด้วยกับการทำเเบบนี้
2.เป้าหมายสูงสุดของโครงการคืออะไร
เป้าหมายสูงสุดของโครงการ อยากเห็นหมามีบ้าน
พยายามโฆษณาสุนัขเเต่ละตัว ซึ่งปัญหาก็คือมีสุนัขบางตัวแก่เกินไป
ไม่มีคนรับไปเลี้ยง โครงการที่คิดวางเเผนไว้
หาพ่อเเม่บุญธรรมให้สุนัข เเบบที่อเล็กกับเต้ย(นักเเสดง)ทำกับช้าง สุนัขที่เหลืออยู่ตอนนี้ คือสุนัขที่เเก่ ดุ มีพฤติกรรมไม่ค่อยดี เช่น ขุดเเละรื้อของ
3.อุปสรรคการทำงาน
คนมีความคิดเห็นที่ขัดเเย้งกัน(ดีขึ้นมาบ้างเเล้ว) มีคนมาบริจาคข้าวเเละของอื่นๆให้สุนัขที่นี่ เเต่ก็มีคนมาเเอบปล่อยสุนัขของตัวเองไว้เเถวๆนี้ให้โครงการเลี้ยง พยายามเเก้โดยติดตั้งกล้องวงจรปิดในบริเวณรอบๆ หลังๆเริ่มไม่ค่อยมีคนมาบริจาคของให้ บริษัทที่สนับสนุนค่าใช้จ่ายอาหารสุนัขเข้ามาตรวจคุณภาพมาตรฐานของที่นี่ เเล้วค่อยพิจารณาว่าจะสนับสนุนเรื่องอาหารอยู่หรือไม่ ถ้าได้ก็จะให้เป็นรายปี(ปัจจุบันยังไม่มีคนเข้ามาตรวจ) ในเวลา 1เดือน ใช้อาหารสุนัข 100 กิโลกรัม ปีละ 365,000 บาท ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ยา อาหาร วัคซีน รักษา คนงาน ซ่อมกรง เป็นต้น ปัจจุบันมีจิตอาสาเข้ามาช่วยเช่นทำความสะอาดกรง พาหมาไปเดินเล่นผ่อนคลาย ทำรั้วเหล็กลงดิน ตัดเเต่งต้นไม้ ฯลฯ
คนมีความคิดเห็นที่ขัดเเย้งกัน(ดีขึ้นมาบ้างเเล้ว) มีคนมาบริจาคข้าวเเละของอื่นๆให้สุนัขที่นี่ เเต่ก็มีคนมาเเอบปล่อยสุนัขของตัวเองไว้เเถวๆนี้ให้โครงการเลี้ยง พยายามเเก้โดยติดตั้งกล้องวงจรปิดในบริเวณรอบๆ หลังๆเริ่มไม่ค่อยมีคนมาบริจาคของให้ บริษัทที่สนับสนุนค่าใช้จ่ายอาหารสุนัขเข้ามาตรวจคุณภาพมาตรฐานของที่นี่ เเล้วค่อยพิจารณาว่าจะสนับสนุนเรื่องอาหารอยู่หรือไม่ ถ้าได้ก็จะให้เป็นรายปี(ปัจจุบันยังไม่มีคนเข้ามาตรวจ) ในเวลา 1เดือน ใช้อาหารสุนัข 100 กิโลกรัม ปีละ 365,000 บาท ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ยา อาหาร วัคซีน รักษา คนงาน ซ่อมกรง เป็นต้น ปัจจุบันมีจิตอาสาเข้ามาช่วยเช่นทำความสะอาดกรง พาหมาไปเดินเล่นผ่อนคลาย ทำรั้วเหล็กลงดิน ตัดเเต่งต้นไม้ ฯลฯ
4.การนำสุนัขมาที่โครงการมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง
ในการจับสุนัขมา ใช้วิธีเป่าลูกดอกยาสลบ
เเต่ปัจจุบันเลิกเเล้วเพราะอาจพลาดเป้าได้
ประกอบกับที่มีคนที่เห็นว่าการใช้ปืนสำหรับยิงยาสสบมันดูรุนเเรงไป ปัจจุบันจึงใช้วิธีผสมยาในอาหารเเล้วค่อยเคลื่อนย้ายสัตว์ การฝังชิพในสุนัขของโครงการ ใส่เข้าไปประมาณข้อไหล่
เมื่อสเเกนจะมีรหัสของเเต่ละตัว เข้าฐานข้อมูลได้เเละสามารถหาสุนัขเจอ ถ้าถูกทิ้งหลังจากมีบ้าน สามารถดูประวัติการรักษาได้
ไม่สามารถโกงเพื่อรับส่วนลดในการรักษาได้
(สุนัขในโครงการจะได้รับส่วนลดในการรักษา)
5.คิดว่าสาเหตุของการเกิดสุนัขจรจัดคืออะไร
คนนี่เเหละคือเหตุของสุนัขจรจัด เป็นโรคไม่สบาย เอาไปปล่อย เลี้ยงไม่สุดความสามารถ ตอนนี้ค่าปรับพระราชบัญญัติกฏหมายเกี่ยวกับสุนัขประมาณ 40,000 บาท
คนนี่เเหละคือเหตุของสุนัขจรจัด เป็นโรคไม่สบาย เอาไปปล่อย เลี้ยงไม่สุดความสามารถ ตอนนี้ค่าปรับพระราชบัญญัติกฏหมายเกี่ยวกับสุนัขประมาณ 40,000 บาท
6.ในฐาะนะคนทำงานเกี่ยวกับสุนัข
อยากจะบอกอะไรกับคนในสังคม
ถามตัวเองว่ารับผิดชอบได้หรือยังเเล้วเลี้ยงไหวหรือไม่ ตอนนี้เรากำลังเเก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เเต่คนก็ยังไม่หยุดทิ้งสุนัข
การให้อาหารสุนัขในพื้นที่สาธารณะถือเป็นการเพิ่จำนวนสุนัขจรจัดในบริเวณนั้นมากขึ้น
เพราะสุนัขก็จะเข้ามาเยอะขึ้น บางคนก็อ้างอิงคำพูดของในหลวงว่า “ท่านก็เลี้ยงหมาจรจัด” เเต่ท่านเอาเข้าไปเลี้ยงในวัง
ไม่ได้ให้อาหารตามทางเเบบนี้ ถ้าเราประมาณความสามารถการเลี้ยงของเราได้
สุนัขจรจัดจะลดลง ความผูกพันสำคัญในการที่จะเลี้ยงสุนัขสักตัว เช่น
ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเอาถังน้ำมาเเลกสุนัข เพื่อเอาไปรับประทาน
ซึ่งนั่นคือการเลี้ยงเพื่อการค้าขาย ไม่ได้มีความผูกพันอะไรทั้งนั้น
เมื่อหมดคำถามแล้ว
พวกเราก็กล่าวขอบคุณอาจารย์ที่มาให้ข้อมูลพวกเราในเวลา 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา ฉันรู้สึกว่าพวกเราโชคดีมากๆที่อาจารย์นั้นใจดี
และเดินมาหาพวกเราถึงที่โรงอาหารเลยทีเดียว เป็นความรู้สึกประทับใจเล็กๆน้อยๆ
ขอขอบคุณอาจารย์เอกอีกครั้งนะคะ


