บ้านป้าแครี่
3/10/59
เมื่อหลายวันก่อน แม่อ้อเคยบอกพวกเราว่า มีคุณป้าอยู่ท่านหนึ่ง
เป็นหนึ่งในกลุ่มองค์กรที่มีชื่อว่า Pic A Pet4Home ป้าแครี่จะคอยรับสุนัขจรจัดมาเลี้ยงไว้ที่บ้าน
ดูแล และหาบ้านใหม่ให้พวกมัน ตอนนี้ที่บ้านของป้าแครี่ก็มีสุนัขอยู่มากถึง
70 ตัวแล้ว พวกเราสามารถไปพูดคุยกับป้าแครี่ได้
ซึ่งพวกเราทุกคนมีความเห็นตรงกัน
เมื่อพวกเรามาถึงยังบ้านป้าแครี่ บ้านป้าแครี่ต่างจากที่ฉันจินตนาการไว้
บ้านป้าแครี่ที่ฉันนึกไว้ จะมีลักษณะกว้างขวางใหญ่โต
และอยู่ห่างออกมาจากบ้านหลังอื่นๆ แต่จากที่เห็นแล้ว บ้านป้าแครี่มีลักษณะและขนาดเหมือนกับบ้านทั่วไปบริเวณนั้น
ต่างแค่ที่มีสุนัขอยู่จำนวนมากเท่านั้น
สุนัขส่วนใหญ่จะถูกกั้นไว้ให้อยู่ฝั่งหนึ่งของบ้าน
ส่วนที่พวกเรายืนอยู่จึงไม่มีสุนัขออกมาให้เห็น
สังเกตได้ว่าสุนัขทั้งหมดนั้นแทบจะไม่ส่งเสียงดัง เมื่อเราเข้ามามีเสียงสุนัขบางตัวเห่าเล็กน้อยก่อนจะเงียบไป
ต่างจากที่คิดไว้ว่าบ้านหลังนี้จะต้องเสียงดังมากแน่นอน
เพราะมีสุนัขอยู่ด้วยกันเป็นจำนวนมากขนาดนี้
ในที่สุด
ป้าแครี่ก็เดินออกมาและแนะนำตัวเองก่อนที่พวกเราจะอธิบายที่มาของโครงงานเรื่องสุนัขจรจัดที่กำลังทำกันอยู่คร่าวๆ
จากนั้นพวกเราก็เริ่มการสัมภาษณ์ป้าแครี่ พี่ซีตั้งกล้องสำหรับถ่ายวิดิโอ
ฉันและพี่แปมช่วยกันตั้งคำถามถามป้าแครี่ ปุ้น ปั้นและขมิ้นช่วยกันจดบันทึกข้อมูล
และข้าวปุ้นก็คอยเก็บภาพจากมุมต่างๆ จนพวกเราก็ได้คำสัมภาษณ์ป้าแครี่ออกมาดังนี้
1.สุนัขจรจัดเป็นปัญหาอย่างไร
สำหรับนักท่องเที่ยวมาเห็นก็คงจะเป็นภาวะทางสายตา
ดูไม่ดี สำหรับคนที่ไม่ชอบสุนัข แค่เห็นก็จะไม่ชอบแล้ว บางคนกลัวถูกสุนัขกัด
สุนัขบางตัวก็จะชอบวิ่งไล่รถยนต์ ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย คนมักจะติดต่อแจ้งให้เทศกิจมาจับสุนัขไป
ซึ่งการจับสุนัขนั้นจะต้องใช้สวิงไล่จับเอา เป็นภาพที่น่าสงสาร
เจ้าหน้าที่จะจับสุนัขจรจัดไปไว้ที่ศูนย์พักพิงประเวศน์ชั่วคราว
ก่อนจะส่งต่อไปยังจังหวัดอุทัยธานี
เพราะที่ประเวศน์นั้นสามารถรองรับสุนัขจรจัดได้เพียง 5,000 ตัวเท่านั้น
ทุกสัปดาห์จะมีรถบรรทุกลักษณะคล้ายกับรถเก็บขยะมารับสุนัข
สุนัขจรจัดจำนวน 100
ตัวจะถูกจับใส่กรงเล็กๆวางซ้อนกันอยู่ท้ายรถบรรทุก ด้วยการเดินทางหลายชั่วโมง
อากาศที่ร้อนและคับแคบทำให้เมื่อมาถึง สุนัขจำนวนไม่น้อยต้องตายไป
สุนัขจรจัดที่อยู่รอดก็ไม่ได้มีชีวิตดีกว่าสักเท่าไหร่
เพราะต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีจำกัดคับแคบ เมื่อมีโรคก็จะติดต่อกันเป็นโรคระบาด
เสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก และสุนัขแต่ละตัวก็จะตายอย่างทรมาน
หากแพทย์รักษาไม่ทัน ซึ่งแพทย์ที่คอยดูแลอยู่มีจำนวนไม่ถึง 10 คนต่อสุนัขจำนวนหลายหมื่นตัว
2.คิดว่าสาเหตุของการมีสุนัขจรจัดคืออะไร
เกิดจากเจ้าของที่ไม่มีความรับผิดชอบ
เมื่อสุนัขถูกนำมาปล่อยทิ้ง จากที่เคยอยู่ในบ้าน ทำให้ไม่คุ้นเคยกับโลกภายนอก
ไม่รู้จักการข้ามถนน ทำให้ถูกรถชนไปเป็นจำนวนมาก
สำหรับสุนัขจรจัดบางตัวที่เป็นสุนัขจรจัดมานานแล้ว
อาจจะพอรู้จักการข้ามถนนอย่างปลอดภัย แต่กว่าที่มันจะเรียนรู้ได้
ก็มีสุนัขจำนวนไม่น้อยถูกรถชนไป
การที่เราจะเลี้ยงสุนัข
1
ตัว จะต้องรับผิดชอบเลี้ยงไปตลอด ไม่ใช่ว่าเมื่อเบื่อก็ทิ้ง
เวลาพาออกไปเดินเล่นนอกบ้านก็ต้องมีสายจูงจูงอยู่ตลอด เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
ถ้าสุนัขขับถ่ายก็ต้องเก็บทำความสะอาดให้เรียบร้อย
ไม่ปล่อยไว้ให้เป็นภาระของคนอื่น ฉัดวัคซีนป้องกันโรคให้สุนัข
และที่สำคัญคือจะต้องทำหมันให้สุนัขทุกตัว บางคนบอกว่าเลี้ยงสุนัขในบ้าน
ไม่เป็นไรหรอก แต่อาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นมาก็ได้
เช่นสุนัขหลุดออกมาจากบ้านและผสมพันธุ์ ดังนั้นก็ควรจะป้องกันไว้ก่อนดีที่สุด
3.มีความเห็นอย่างไรกับการซื้อ-ขายสุนัขตามร้านค้า
ไม่สนับสนุนการซื้อ-ขายสุนัขเลย
เพราะร้านค้าแบบนี้ส่วนใหญ่มักจะเพาะพันธุ์สุนัขเพื่อขายเอาเงินเท่านั้น
ไม่ฉีดวัคซีน แต่อาจโกหกลูกค้าว่าฉีดแล้ว เพราะลูกสุนัขนั้น
ถ้ายังเด็กจะฉีดวัคซีนได้แค่ไม่กี่ชนิด เพราะถ้าจะรอให้ฉีดวัคซีนได้ทุกชนิด
ลูกสุนัขก็จะโตและขายไม่ออกแล้ว
ทำให้เมื่อซื้อลูกสุนัขตามร้านค้าแล้วลูกสุนัขส่วนใหญ่จะเป็นโรคตายกันทั้งนั้น
ที่สำคัญพวกเขาไม่ใส่ใจ ไม่สนใจว่าลูกสุนัขและพ่อ-แม่พันธุ์
จะมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง เมื่อขายไม่ออก หมดประโยชน์แล้วก็จะไม่สนใจอีก
4.อะไรคือแรงบันดาลใจที่ทำให้ป้าแครี่ช่วยเหลือสุนัขจรจัด
รู้สึกสงสารพวกมัน
สุนัขที่มักถูกคนละเลยมองข้าม
เวลาเห็นแววตาที่เศร้าสร้อยของสุนัขจรจัดเหล่านั้นทำให้รู้สึกแย่
และสงสารพวกมันมาก จึงช่วยเหลือสุนัขจรจัดมาตั้งแต่ พ.ศ.2544
และเริ่มช่วยเหลืออย่างจริงจังตั้งแต่พ.ศ. 2549 ตอนนี้ก็เป็นเวลา 15 ปีแล้ว ช่วยเหลือสุนัขมาจำนวน 1,000 ตัวแล้ว
5.อุปสรรคการทำงานมีอะไรบ้าง
ค่าใช้จ่ายเลี้ยงดู
ค่าอาหาร ค่าวัคซีน ล้วนเป็นเงินส่วนตัวทั้งนั้น ตอนนี้ก็เริ่มน้อยลงแล้ว
ยังดีที่ยังพอมีเงินบริจาคเข้ามาช่วยอยู่บ้าง
นิสัยของสุนัขบางตัวจะขี้กลัวและหวาดระแวง แก้ไม่ได้ เวลามีคนมาดูสุนัขเพื่อจะรับไปเลี้ยงก็มักจะรับสุนัขที่เชื่องและเป็นมิตรไป
ทำให้สุนัขที่ขี้กลัวจะต้องเลี้ยงไว้เอง
แล้วก็คนไทยส่วนใหญ่มักจะมีความเชื่อที่มันไร้สาระมาก
คือจะไม่เลือกสุนัขหรือแมวที่มีสีดำหรือสีเปรอะ(สุนัขที่มีสีขนปนๆกัน)
เพราะคิดว่าเป็นสีอัปมงคล สุนัขพิการก็ไม่เอา
ในขณะที่ชาวต่างชาติกลับไม่สนใจในเรื่องนี้เลย
6.ตลอดเวลาการช่วยเหลือสุนัขจรจัดมาหลายปี
รู้สึกอย่างไรบ้าง
รู้สึกว่าในขณะที่คนทำให้เราเสียใจได้
แต่สุนัขไม่เคยทำให้เราเสียใจเลยสักครั้ง มีแต่เพิ่มความสุขให้เรา
ตั้งแต่ช่วยเหลือสุนัขจรจัดมา 15 ปี
เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน คิดว่าสุนัขจรจัดมีจำนวนลดลงบ้างแล้ว
อาจเป็นเพราะมีคนมาช่วยรับอุปการะสุนัขเพิ่มขึ้น และยังมีสัตวแพทย์มาช่วยทำหมันให้ฟรีด้วย
7.อยากแก้ปัญหาสุนัขจรจัดอย่างไร
อยากให้มีสื่อชักชวนหรือรณรงค์ให้ผู้คนตระหนักถึงความรับผิดชอบในสัตว์เลี้ยง
ไม่นำมาปล่อยเพิ่ม
และรณรงค์ให้ทำหมันสุนัขทุกตัวเพื่อไม่ให้สุนัขเพิ่มจำนวนมากขึ้น สำหรับสุนัขชุมชน
ก็ไม่อยากให้แจ้งเทศกิจมาจับไป แต่อยากให้ช่วยกันแก้ปัญหา นำสุนัขไปทำหมัน
อย่างน้อยสุนัขจะได้ไม่แพร่พันธุ์เพิ่มขึ้น
อยากให้ทางรัฐบาลแทรกความรู้เนื้อหาของการเลี้ยงสัตว์อย่างมีความรับผิดชอบในการศึกษาแกนกลาง
เพื่อสอนให้เด็กเข้าใจ
และปลูกฝังสู่เด็กรุ่นต่อไปจะได้ไม่ทิ้งสุนัขหรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆ
8.อยากบอกอะไรกับคนในสังคม
ถ้ายังไม่พร้อมจะเลี้ยงสัตว์
ก็อย่าเลี้ยง เพราะจะกลายเป็นภาระให้สังคม เมื่อจะเลี้ยงก็ต้องมีความรับผิดชอบ
เมื่อสัมภาษณ์เสร็จ
เรื่องราวที่ป้าแครี่เล่าให้พวกเราฟัง ทำให้รู้สึกว่าสุนัขจรจัดนั้นน่าสงสารมาก
และการแจ้งให้เจ้าหน้าที่มาจับสุนัขไปนั้น ก็เหมือนกับผลักไสสุนัขออกไปจากตัว
เพราะการไปอยู่ที่ศูนย์พักพิงประเวศน์มันไม่ได้ดีไปกว่าการอยู่ตามถนนสักเท่าไหร่นัก
จากนั้นพวกเราก็จะนำขนมสุนัขที่หุ้นกันมา
เอาไปให้สุนัขที่บ้านป้าแครี่กิน โดยจะต้องเอาขนมแต่ละชนิดมาผสมกันในกะละมัง
และจะยิ่งดีมากขึ้นถ้าหักขนมให้มีชิ้นเล็กลง เพื่อที่สุนัขจะได้กินง่าย
ป้าแครี่บอกว่า เมื่อเข้าไปแล้วให้แยกกันเอาขนมให้สุนัข เพราะสุนัขมีอยู่จำนวนมาก
และทุกตัวก็อยากจะกินขนม ดังนั้นเมื่อป้าแครี่เปิดประตูกั้นให้พวกเราเข้าไป
ก็แยกกันโปรยขนมลงพื้นให้สุนัข หากป้อนกับมือสุนัขบางตัวอาจงับมือเราได้
สุนัขทุกตัวดูกระตือรือร้นและดีใจมากที่มีขนมมาให้กิน ในเวลาไม่นานนัก
ขนมในกะละมังก็หมดลง แต่ยังเหลือขนมอยู่อีกหลายถุงที่ยังไม่ได้แกะ
ซึ่งเราจะให้ป้าแครี่เก็บไว้ให้ในครั้งต่อไป
สุนัขที่นี่มีอยู่ทุกรูปแบบ
สุนัขพันธุ์ใหญ่
สุนัขพันธุ์เล็กสุนัขเต็มวัยคือปกติดีทุกอย่างเพียงแต่เป็นสุนัขจรจัดเท่านั้น
สุนัขตาบอด มีอยู่จำนวนหนึ่ง บางตัวไม่มีลูกตาทั้งสองข้าง มีสุนัขที่พิการ
เดินไม่ได้ต้องใช้ขาหน้าลากตัวเองไป สุนัขที่มีเพียงสามขา สุนัขแม่-ลูกอ่อน ซึ่งจะถูกแยกไว้อีกรงหนึ่ง นอกจากสุนัขแล้วยังมีแมวอีกหลายตัว
ฉันรู้สึกตื้นตันใจที่ได้มาให้ขนมสุนัขเหล่านี้
และรู้สึกว่าสิ่งที่ป้าแครี่กำลังทำอยู่มันช่างยิ่งใหญ่มาก สุนัขแต่ละตัวดูมีความสุข
และคงจะมีความสุขมากขึ้นไปอีก ถ้ามีเจ้าของมารับไปเลี้ยงดูเอาใจใส่
ป้าแครี่บอกว่าคนมักจะเลือกสุนัขที่เข้ากับคนง่าย
ดังนั้นถ้าใครว่างๆสามารถมาช่วยงานได้ มาช่วยอยู่ เล่นกับสุนัขให้มันคุ้นชินกับคน
วันนี้พวกเราขอบคุณป้าแครี่ที่ให้พวกเราสัมภาษณ์ และทำให้ได้ความรู้มากขึ้น