วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2559

หลักการคิดแบบสอบถาม

แบบสอบถาม
ขั้นตอนการสร้างแบบสอบถาม

1.ขั้นแรกต้องระบุวัตถุประสงค์การศึกษานี้ให้แน่ชัด
2.มีจุดหมายที่แน่นอน โดยจุดหมายนั้นจะสอดคล้องกับวัตถุประสงค์การศึกษา 
3.สร้างคำถามตามจุดหมายที่ตั้งไว้ เพื่อป้องกันการมีคำถามนอกประเด็นหรือคำถามจำนวนมากเกิน
4.ถามคำถามให้ครอบคลุมจุดหมาย โดยมีคำถามไม่มากหรือน้อยเกินไป ซึ่งตามปกตินั้นการจะสร้างคำถามเพื่อถามนั้นควรมีคำถาม 20-60 ข้อ
5.การเรียงลำดับคำถาม ควรเรียงลำดับให้ต่อเนื่องสัมพันธ์กัน ควรเรียงคำถามง่ายๆไว้แรกๆเพราะจะทำให้ผู้ตอบมีความสนใจอยากจะตอบต่อ และไม่ควรนำคำถามสำคัญไว้ท้ายๆเพราะอาจทำให้ผู้ตอบเบื่อเหนื่อยและตอบไม่เต็มที่
6.การใช้เวลาในการตอบแบบสอบถามไม่ควรเกิน 1 ชั่วโมง เพราะจะทำให้ผู้ตอบเบื่อหน่ายและเสียเวลา
7.ใช้คำถามที่ไม่กำกวม ผู้ตอบทุกคนเข้าใจความหมายเหมือนกันทุกคน
8.หลีกเลี่ยงการใช้คำถามที่เกี่ยวกับค่านิยม เพราะจะทำให้ผู้ตอบ ตอบไม่เป็นความจริง

สำหรับการทำแบบสอบถามออกมาเป็นรูปแบบกระดาษ โครงสร้างของแบบสอบถามมีดังนี้..

1.หนังสือนำหรือคำชี้แจง โดยมากมักอยู่ส่วนต้นของกระดาษ โดยจะต้องระบุจุดประสงค์ที่ให้ตอบแบบสอบถาม การนำคำตอบแบบสอบถามไปใช้ประโยชน์ มีชื่อและที่อยู่ผู้ศึกษา และแสดงให้เห็นว่าข้อมูลจะไม่ถูกเปิดเผยเป็นรายบุคคล
2.คำถามที่เกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัว เช่น เพศ อายุ อาชีพ ฯลฯ หากการศึกษาต้องการระบุรายละเอียดลงไปว่าความเห็นนี้ๆคือความเห็นของคนอายุเท่าใด อาชีพอะไร ก็ใส่ลงไปในกระดาษด้วย

หลักการสร้างแบบสอบถาม
1.ใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายเหมาะสมกับผู้ตอบ
2.ใช้ข้อความที่สั้น กระชับ
3.หลีกเลี่ยงการใช้ประโยคซ้อน
4.ไม่ควรใช้คำย่อ
5.ไม่ชี้นำการตอบให้เป็นไปในทางใดทางหนึ่ง
6.ไม่ใช้คำถามที่ทำให้ผู้ตอบเกิดความลำบากใจที่จะตอบ
7.คำถามจะต้องกระตุ้นให้ผู้ตอบอยากตอบ

การจัดพิมพ์แบบสอบถาม
1.พิมพ์แบ่งหน้าให้สะดวกต่อการเปิดอ่านและตอบ
2.เว้นพื้นที่สำหรับตอบให้เพียงพอ
3.พิมพ์ขนาดตัวอักษรให้ชัดเจน
4.ใช้สีและลักษณะของกระดาษที่เอื้อต่อการอ่าน

ข้อดีของการพิมพ์แบบสอบถาม
1.ถ้าต้องการสอบถามคนจำนวนมาก วิธีการเก็บข้อมูลแบบนี้จะประหยัดเวลาและสะดวกกว่า
2.ผู้ตอบมีเวลาตอบและไม่รู้สึกกดดัน
3.ไม่เกิดความลำเอียงเนื่องจากการสัมภาษณ์ เพราะผู้ตอบเป็นผู้ตอบเอง
4.ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเก็บข้อมูล


ข้อเสียของการพิมพ์แบบสอบถาม
1.การเก็บข้อมูลจะใช้ได้กับเฉพาะกลุ่มคนที่อ่านหนังสือและเขียนได้เท่านั้น
2.จะได้ข้อมูลจำกัดเฉพาะจริงๆ เพราะการเก็บข้อมูลโดยเป็นแบบสอบถามจะมีคำถามจำนวนน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
3.หากผู้ตอบไม่เข้าใจคำถามหรือไม่ตอบคำถามบางข้อ ก็จะทำให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนไปอีกและที่สำคัญ ผู้ทำการศึกษาจะไม่สามารถย้อนกลับมาถามได้อีก
4.ไม่สามารถรับฟังความเห็นหรือข้อมูลอื่นๆจากผู้ตอบได้


วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2559

การประเมินม.3เทอม1

16/8/59
                              วันนี้เป็นวันประเมินเทอมการศึกษาที่ 1 โดยมีครูโมเป็นผู้ดำเนินการประเมิน ครูโมให้พวกเราเล่าถึงการเรียนรู้ร่วมกันของพวกเราในเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งก็มีตั้งเเต่..

1.การสร้างบล็อกเป็นของตัวเอง
2.การฝึกทักษะด้านการถ่ายภาพ จากโจทย์ที่ได้มา
3.การสร้างเว็บไซต์ขึ้นมา
4.โรงงานพับกบ
5.เรียน info graphics
6.เรียนทำวิดิโอและเขียนสตอรี่บอร์ด

จากนั้นครูโมจึงให้พวกเราบอกถึงช่วงการเรียนที่ชอบหรือประทับใจมากที่สุด เเละให้พวกเรากลับมาย้อนคิดดูว่ากิจกรรมที่เราชอบนั้น ทำให้เราได้ทักษะอะไรจากมันบ้าง ฉันชอบส่วนของโรงงานพับกบที่สุดเพราะมันเป็นการฝึกการทำงานเเบบเป็นทีมผ่านการพับกบ ซึ่งครูเบิร์ดทำให้การเรียนจากแบบธรรมดากลายเป็นเรื่องสนุก ทักษะที่ฉันได้มาจากการพับกบนี้คือ

-การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
-การวางแผน
-การทำงานร่วมกัน
-ทักษะการพับกบกระดาษ

และร่วมกันคิดถึงสิ่งที่ทุกคนจะปรับปรุงพัฒนาในเวลาต่อไปด้านการทำงานกลุ่ม ซึ่งเหล่านี้ที่ครูโมชวนพวกเราทำคือการถอดบทเรียน การนำความรู้ที่ได้ศึกษา มาแตกย่อยเเละย้อนคิดว่าทักษะที่ได้มีอะไรบ้างนั่นเอง ซึ่งฉันคิดว่าจะนำการถอดบทเรียนในวันนี้ไปใช้ในการเรียนรู้อื่นๆในวันข้างหน้า










โครงงานเรื่องสุนัขจรจัด

24/7/59

                              วันนี้เป็นวันนัดมาระดมสมองกัน เพื่อวางแผนการเขียนแผนโครงงาน สำหรับการเอาไปนำเสนอกับโรงเรียนรุ่งอรุณในวันที่ 6/8/59  เนื่องจากมีเวลาในการเขียนแผนเพียงหนึ่งสัปดาห์กว่าๆ พวกเราจึงต้องเร่งมือกันสักนิด การคุยในวันนี้พวกเราจะเป็นคนดำเนินการคุยระดมสมอง ผู้ใหญ่จะไม่มายุ่ง เพื่อให้พวกเราเป็นผู้ตัดสินใจเอง มีแม่อ้อคอยช่วยนำทางให้พวกเราเล็กน้อย

                               แม่อ้อชี้เเจงให้ทุกคนรับทราบว่า การทำโครงงานนี้ เด็กๆจะต้องเป็นคนทำเองทั้งหมด ผู้ใหญ่จะไม่มาช่วย ผู้ใหญ่จะทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนและคอยให้คำเเนะนำเท่านั้น หากพวกเราต้องการความช่วยเหลือหรือต้องการคำปรึกษา เหล่านี้สามารถให้ผู้ใหญ่ช่วยได้ ขั้นเเรก พวกเราช่วยกันตั้งกฏกติกาการทำงานร่วมกัน  เป็นกฏพื้นฐานที่พวกเราทุกคนต้องปฏิบติ เพราะถือว่ากฏเหล่านี้คือกฏประจำกลุ่มของพวกเรา กฏที่พวกเราช่วยกันตั้งขึ้นมาก็มีดังนี้

1.ทุกคนมีสิทธิ์ในการออกความเห็น
2.ส่งงานตามกำหนด
3.มีความสนุกสนาน ไม่เครียด
4.เมื่อให้เห็นด้วยกัอะไรบางอย่าง ก็พูดออกมาได้เลย
5.พูดให้มีการถนอมน้ำใจของคนอื่นๆ
                                                                     
                                                                               ฯลฯ

ต่อมาแม่อ้อก็ช่วยเขียนแบบแผนวิธีการและลำดับขั้นตอนการเขียนเเผนให้พวกเราดูว่าต้องเขียนอะไรบ้าง..

1.ชื่อโครงงาน
2.รายชื่อสมาชิกของกลุ่ม
3.รายชื่อที่ปรึกษาโครงงาน
4.บทนำ
5.วัตถุประสงค์การเรียนรู้
6.ตารางเวลาการทำงาน
7.กระบวนการเรียนรู้
8.ขอบเขตของโครงงาน
9.ผลที่คาดว่าจะได้รับ

จากนั้นพวกเราก็เเบ่งงานกันทำเเต่ละหัวข้อใหญ่ เพื่อให้งานเสร็จออกมาเร็วที่สุด

1.ชื่่อโครงงาน                               ขมิ้น,ปุ้น,ปั้น
2.รายชื่อสมาชิกของกลุ่ม              มะลิ
3.รายชื่อที่ปรึกษาโครงงาน           แปม,มะลิ        
4.บทนำ                                         มะลิ
5.วัตถุประสงค์การเรียนรู้                แปม
6.ตารางเวลาการทำงาน                ซี,มะลิ
7.กระบวนการเรียนรู้                       แปม
8.ขอบเขตของโครงงาน                มะลิ
9.ผลที่คาดว่าจะได้รับ                    มะลิ



4/8/59
                              วันนี้ พวกเรามาประชุมกันก่อนที่จะต้องส่งเเผนงานกัน พบว่าวันส่งงานต้องเลื่อนไป เป็นวันที่ 8/8/59 เช่นเดียวกับวันประเมิน ซึ่งคือวันที่ 16/8/59 พวกเราช่วยกันเเบ่งงานกัน เพื่อใส่ชื่อลงในตาราง เเละรวบรวมเข้าด้วยกัน ต่อมา ก็รู้เพิ่มขึ้นมาว่าเดี๋ยวจะต้องมีการปริ้นท์ออกมาเเล้วเย็บเป็นเล่มหนังสือด้วย ดังนั้นจึงต้องจัดวางตัวหนังสือเเละภาพให้สวยงามอีกด้วย พวกเราลงความเห็นว่าข้อมูลต่างๆที่เขียนลงในแผนดูเหมือนจะน้อยไปจึงต้องเเบ่งงานกันเขียนเพิ่มเติมอีกรอบหนึ่ง เเละฉันก็รับหน้าที่เขียนบทนำ เกริ่นเรื่องราวว่า ทำไมพวกเราถึงสนใจจะทำโครงงานเรื่องหมาจรจัด เมื่อได้โจทย์มา ฉันก็รีบคิดทันที เพราะมีความรู้สึกว่ารีบทำให้เสร็จเรียบร้อยเลยจะดีกว่ามารีบเร่งในภายหลัง

8/8/59
                              เมื่อตรวจทานเนื้อหาเเละตัวสะกดให้ถูกต้องเเล้ว พี่แปมก็นำไฟล์ส่งครูติ๊ก เพื่อให้ครูติ๊กตรวจ หากมีที่ใดที่ครูติ๊กเห็นว่าต้องเสริมหรือแก้ เราจะต้องนำกลับมาทำให้เรียบร้อย แผนร่างโครงร่างโครงงานของกลุ่มเรามีเนื้อหาดังนี้

1.ชื่อโครงงาน
เส้นทางสี่ขา

2.รายชื่อสมาชิกกลุ่ม
-แปม         ม.4
-ซี             ม.4
-มะลิ         ม.3
-ข้าวปุ้น    ม.2
-ขมิ้น        ม.1
-ปุ้น           ม.1
-ปั้น           ม.1
ปล.ขออนุญาตเอ่ยเป็นชื่อเล่น

3.รายชื่อที่ปรึกษาโครงงาน
-แม่อ้อ
-พ่อหนุ่ม
-พ่อแป๋ง
-แม่กั้ง

4.บทนำ
                           สุนัขจรจัดเป็นอีกหนึ่งปัญหาสังคมของประเทศไทยเพราะก่อให้เกิดปัญหาต่างๆตามมามากมาย เช่น ความสกปรก มลภาวะทางเสียง โรคที่มาจากสุนัขจรจัด(โรคพิษสุนัขบ้า,ปัญหาเห็บ/หมัด เชื้อโรค ฯลฯ) ทำให้เกิดอุบัติเหตุ เช่น อุบัติเหตุทางรถยนต์ เป็นต้น
                           จากการค้นคว้าข้อมูลเบื้องต้น พบว่ามีสุนัขจรจัดอยู่ในประเทศไทยมากกว่า 700,000 ตัว ในกรุงเทพมหานครฯมีสุนัขจรจัดมากถึง 100,000 ตัว และคาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หากไม่ลงมือแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง ในอนาคตมีเเนวโน้มว่าจะมีจำนวนสุนัขจรจัดเพิ่มขึ้นถึง 3,400,000 ตัวต่อปี
                            มีหลายหน่วยงานเข้ามาแก้ปัญหา แต่ก็ยังไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชนบางส่วน พบว่ายังคงมีการนำสุนัขมาปล่อยทิ้งตามท้องถนนหรือพื้นที่สาธารณะให้เป็นภาระของรัฐบาลอยู่ทั่วไป สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในชุมชนทั่วไป
                            เนื่องจากปัญหาสุนัขจรจัดดป็นปัญหาที่ใกล้ตัว คณะทำงานจึงเกิดความสนใจที่เรียนรู้สถานการณ์ สาเหตุและวิธีแก้ปัญหาต่างๆที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อจะนำมาเผยเเพร่ให้สังคมได้เห็นถึงปัญหาส่วนนี้เเละพิจารณาต่อ ว่าสามารถแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง ซึ่งจะเป็นโครงงานในขั้นถัดไป เพื่อที่จะได้ร่วมมือกันแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ เพื่อลดจำนวนสุนัขจรจัด ต่อไปคณะทำงานจะนำข้อมูลมาต่อยอดในเทอมการศึกษาหน้า เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาต่อไป เช่น การหาบ้านให้สุนัขหรือการรณรงค์เกี่ยวกับสุนัขในประเทศไทย

5.วัตถุประสงค์
-เรียนรู้เรื่องทัศนคติของคนในปัจจุบันที่มีต่อสุนัขจรจัด เพื่อจะได้รู้ว่าคนในปัจจุบันมีทัศนคติอย่างไร เเละจะนำข้อมูลนี้ไปสร้างทัศนคติที่ดีให้ผู้คนที่มีต่อสุนัขจรจัดในอนาคต
-เรียนรู้ความเป็นอยู่ของสุนัขจรจัดเเละผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อชุมชนเเละพื้นที่สาธารณะ
-เรียนรู้วิธีการเเละการดูแลสุนัขจรจัดของภาครัฐเเละองคืกรต่างๆ
-เรียนรู้สาเหตุของการเกิดสุนัขจรจัด
-เรียนรู้โรคต่างๆที่เกิดจากสุนัขจรจัด เพื่อป้องกันตนเองเเละให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับผู้อื่น
-เพื่อเผยแพร่ข้อมูลที่คณะทำงานได้ศึกษามาต่อสาธารณะ เพื่อที่จะสร้างทัศนคติที่ดีต่อสุนัขจรจัด เเละเพื่อป้องกันการเกิดสุนัขจรจัดในอนาคต

6.ตารางเวลาการทำงาน
 หาข้อมูลพื้นฐาน
-จำนวนสุนัขจรจัดในกรุงเทพมหานครฯโดยประมาณ
-พื้นที่ที่มีสุนัขจรจัด(เพื่อให้เป็นตัวเลือกในการเลือกพื้นที่สำหรับลงสำรวจต่อไป)
-โรคส่วนใหญ่ที่มาจากสุนัขจรจัด
-งานวิจัยสุนัขจรจัดต่างๆที่มีการศึกษาไว้เเล้ว(เพื่อที่จะได้ไม่เป็นการประหยัดเวลา)
-สุนัขจรจัดอยู่ที่ไหน
-การดูเเลสุนัขจรจัด(คนใจดี/รัฐบาล)
-ผลกระทบต่อคนเเละสุนัขจรจัด(การมีสุนัขจรจัด ทำให้เกิดผลกระทบอะไรบ้าง)
-สุนัขจรจัดไปไหน(เมื่อถูกเจ้าหน้าที่จับไป)
-ห้องสมุด
-อินเทอร์เน็ต
-เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
-มหาวิทยาลัยที่มีคณะสัตวเเพทย์
-มหาวิทยาลัยเกษตรฯ
-มหาวิทยาลัยจุฬาฯ
-บันทึกข้อมูล

4.2 สรุปข้อมูลเเละกำหนดพื้นที่
-นำข้อมูลที่หามารวมกัน
-สรุปข้อมูล
-บันทึกข้อมูล
-เลือกพื้นที่สำหรับลงสำรวจ
-เลือกพื้นที่ที่หมาจรจัดอยู่เยอะ
-บันทึกข้อมูล

3.ตกลงวิธีการสำรวจ สร้างเเบบสอบถาม กำหนดหน้าที่
-วางเเผนการลงพื้นที่สำรวจ
-ช่วยกันคิดแบบสอบถามสำหรับการสัมภาษณ์
-ถามในสิ่งที่อยากรู้
-ทัศนคติของคนในปัจจุบันที่มีต่อหมาจรจัด
-แบ่งหน้าที่การทำงานลงพื้นที่
-จากความถนัดหรือความสนใจของเเต่ละคน
-บันทึกข้อมูล

4.3 ลงพื้นที่ ทำสื่อ
-ลงสำรวจพื้นที่ที่กำหนดไว้
-สังเกตุว่าบริเวณใด มีหมาจรจัดเยอะเป็นพิเศษ
-สังเกตชีวิตของหมาจรจัด
-สังเกตท่าทีของคนที่มีต่อหมาจรจัด
-สัมภาษณ์ผู้คนเกี่ยวกับหมาจรจัด
-ถ่ายทำสื่อ วิดิโอ/ภาพถ่าย
-บันทึกข้อมูล

4.4 สรุปผลการสำรวจ ทำสื่อ ประเมินตนเอง
-สรุปผลการลงพื้นที่สำรวจ
-ทำสื่อสำหรับนำเสนอ
-ตัดต่อวิดิโอ
-รวบรวมรูปถ่าย
-ถอดเทปสัมภาษณ์
-ประเมินตนเอง
-ให้คะเเนนตนเองจากสิ่งที่คาดหวังเอาไว้

5.กระบวนการเรียนรู้
-หาข้อมูล
                             คณะทำงานจะหาข้อมูลพื้นฐานหรือปัญหาที่เกี่ยวกับสุนัขจรจัดจากแหล่งข้อมูลต่างๆก่อน เพื่อจะได้ไม่ซ้ำกับโครงงานวิจัยก่อนหน้าที่ทำการศึกษาไว้ก่อนเเล้ว จะได้ไม่เป็นการเสียเวลา เช่น มหาวิทยาลัยต่างๆที่มีคณะสัตวแพทย์(มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ฯ,มหาวิทยาลัยมหิดลฯ,มหาวิทยาลัยจุฬาฯ,มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานครฯ) ห้องสมุด อินเตอร์เน็ต สอบถามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ

-การสำรวจ ลงพื้นที่
                              คณะทำงานจะได้ไปลงพื้นที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับทัศนคติของคนในปัจจุบันต่อสุนัขจรจัดว่าเป็นอย่างไร ทักษะที่จะได้คือการจัดการ ทั้งหาแหล่งพื้นที่ หาแหล่งข้อทูลเเละการเดินทาง

-สัมภาษณ์
                              เมื่อคณะทำงานลงพื้นที่ก็ต้องมีการสัมภาษณ์สอบถามจากแหล่งข้อมูลต่างๆ โดยจะได้ใช้ทักษะการสัมภาษณ์ ทั้งสัมภาษณ์คนที่เกิดนผ่านไปมา เจ้าหน้าที่กทม. ฯลฯ

-รวบรวมข้อมูล จดบันทึก สรุปใจความสำคัญ
                              คณะทำงานจะต้องรวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่ได้มาจากการทำงานเเต่ละขั้นตอนเเละสรุปออกมา เพื่อที่จะทำออกมาเป็นรูปเล่มหลังจากจบโครงงาน การจดบันทึก คณะทำงานจะต้องจดบันทึกทุกอย่างที่คณะทำงานไปหามา ทั้งการสำรวจ สัมภาษณ์ เเละข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต โดยจะจดบันทึกเฉพาะใจความสำคัญ ซึ่งจะได้ทักษะการจับใจความสำคัญ

-นำเสนอ
                              คณะทำงานจะต้องนำเสนองานออกมาให้ผู้ชมได้เข้าใจในสิ่งที่ทำอกมาเป็นรูปต่างๆ เช่น วิดิโอ นิทรรศการ การพูดบรรยาย ไทม์ไลน์ บูธ ฯลฯ

-ประเมินตนเอง
                              ดูว่าเเต่ละคนสามารถทำได้ตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ได้หรือไม่ โดยนั่งคุยสิ่งที่คณะทำงานได้เรียนรู้จากการทำงานครั้งนี้เเละสิ่งที่ต้องพัฒนา เพื่อนำไปพัฒนาการทำงานในครั้งต่อๆไป

8.ขอบเขตของโครงงาน
                              โครงงานมีขอบเขตของการศึกษาคือ จะทำการศึกษาเฉพาะสุนัขจรจัด ซึ่งในความเป็นจริงเเล้ว อาจมีสัตว์เลี้ยงอื่นๆที่เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาสัตว์จรจัดชนิดอื่นๆอีก เช่น เเมวจรจัด เป็นต้น แต่คณะทำงานเลือกที่จะศึกษาเกี่ยวกับสุนัขจรจัด เเละจะทำการศึกษาเรื่องสุนัขจรจัดในพื้นที่เฉพาะของกรุงเทพมหานครฯ ซึ่งจะกำหนดพื้นที่การศึกษาในภายหลัง เนื่องจากโครงงานมีข้อจำกัด นั่นคือคณะทำงานไม่สามารถทำการศึกษาสุนัขจรจัดทั้งหมดในประเทศได้ จากจำนวนคณะทำงาน เวลา ฯลฯ

9.ผลที่คาดว่าจะได้รับ
                               ทราบข้อมูลรายละเอียดของสภาพปัญหาสุนัขจรจัดเเละสาเหตุที่เเท้จริงของการมีสุนัขจรจัด ซึ่งอาจนำไปสู่การคิดหาวิธีแก้ปัญหาหรือการศึกษาเพิ่มเติมในเรื่องที่ยังไม่ชัดเจนในโอกาสต่อไป


16/8/59
                               ในช่วงนี้ พวกเราจะแบ่งกันรวบรวมข้อมุลที่ได้รับมอบหมายจากอินเตอร์เน็ตซึ่งเป็นเเหล่งหาข้อมูลที่ง่ายที่สุดก่อน และนำข้อมูลเหล่านี้มารวมกันในภายหลัง โดยเเต่ละคนได้รับมอบหมายงานดังนี้

ข้าวปุ้น              :จำนวนสุนัขจรจัดในกรุงเทพมหานครโดยประมาณ/การดูเเลสุนัขจรจัดของคนใจดีเเละรัฐบาล
พี่ซี                    :งานวิจัยต่างๆที่เกี่ยวกับสุนัขจรจัด
ปุ้น/ปั้น              :โรคส่วนใหญ่ที่มาจากสุนัขจรจัด
ขมิ้น                  :สุนัขจรจัดไปที่ใดบ้าง เมื่อไม่มีเจ้าของ
พี่แปม/ฉัน         :ผลกระทบของการมีสุนัขจรจัด