วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2559

การสัมภาษณ์

                                                                     การสัมภาษณ์

                              การสัมภาษณ์คือการคุยอย่างมีจุดมุ่งหมาย ถามสิ่งที่อยากรู้อย่างมีวัตถุประสงค์ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดทัศนคติของผู้ถูกสัมภาษณ์

                              ก่อนที่จะทำการสัมภาษณ์ ควรเตรียมข้อมูลในเรื่องที่จะเอามาถามผู้ถูกสัมภาษณ์ด้วยสักเล็กน้อย ต้องขออนุญาติก่อนทำการสัมภาษณ์ทุกครั้ง เพื่อเเจ้งให้ผู้ถูกสัมภาษณ์รับทราบว่าจะถูกสัมภาษณ์ อัดวิดิโอ หรืออัดเสียง และถ้าจะถ่ายภาพหรืออัดวิดิโอเด็กที่มีอายุต่ำว่า 18 ปี จะต้องได้รับการยินยอมอนุญาติจากพ่อแม่ก่อน มิฉะนั้น พ่อแม่สามารถแจ้งข้อหาได้หากไม่ยินยอม

ประเภทของการสัมภาษณ์

1.การสัมภาษณ์แบบเป็นทางการ เป็นการสัมภาษณ์ที่สัมภาษณ์ผู้ใหญ่ในตำแหน่งสูง ควรจะส่งคำถามที่จะถามล่วงหน้าไปให้ก่อน เพื่อที่ผู้ถูกสัมภาษณ์จะได้รู้ว่าจะต้องเตรียมตัวตอบคำถามใดบ้าง และควรจะนัดวันสัมภาษณ์ล่วงหน้าก่อน แต่งกายสุภาพเรียบร้อย ให้ถูกต้องตามกาลเทศะ

2.การสัมภาณ์แบบไม่เป็นทางการ เป็นการสัมภาษณ์ผู้คนทั่วไป ต้องขออนุญาติก่อนสัมภาษณ์ทุกครั้ง อาจใช้วิธีการพูดที่เป็นกันเอง เพื่อที่ผู้ถูกสัมภาษณ์จะได้รู้สึกผ่อนคลาย และตอบคำถามอย่างไม่อึดอัด

แต่ไม่ว่าจะเป็นการสัมภาษณ์แบบใดก็ตาม ก็ต้องใช้คำที่สุภาพทั้งสิ้น ใช้ภาษาให้ถูกต้อง

หลักเกณฑ์การสัมภาษณ์

1.ผู้สัมภาษณ์ต้องมีจุดหมายที่ชัดเจนว่าต้องการรู้ข้อมูลใดจากผูู้ถูกสัมภาษณ์
2.ผู้สัมภาษณ์ต้องเตรียมคำถามไว้ก่อนล่วงหน้า
3.ผู้สัมภาษณ์ต้องสร้างบรรยากาศเป็นกันเอง(ในกรณีที่สัมภาษณ์แบบไม่เป็นทางการ สัมภาษณ์บุคคลทั่วไป)เพื่อให้ผู้ถูกสัมภาษณ์ผ่อนคลาย ยิ้มแย้มเเจ่มใส
4.ผู้สัมภาษณ์ควรรู้ข้อมูลในเรื่องที่จะนำมาสัมภาษณ์ไว้บ้าง เพื่อจะได้ช่วยในการสรุปผล และช่วยในการตั้งคำถามเสริมขณะสัมภาษณ์
5.จดบันทึกเนื้อหาจากการสัมภาษณ์อย่างรวดเร็ว เก็บบันทึกในขั้นตอนที่สำคัญ

การใช้การสัมภาษณ์
การสัมภาษณ์จะต้องมีข้อระวังดังนี้..

1.ผลของการสัมภาษณ์ขึ้นอยู่กับวิธีการ ลักษณะ และคำถามที่จะใช้ของผู้สัมภาษณ์ ผู้สัมภาษณืจึงควรมีลักษณะดังนี้..
1.1 เตรียมตัวให้พร้อม แต่งตัวให้ถูกต้องตามกาลเทศะ
1.2 คล่องแคล่วในการใช้คำถามและสรุปผล
1.3พยายามถามในเรื่องที่ผู้ถูกสัมภาษณ์อยากจะตอบ

2.ผู้ถูกสัมภาษณ์จะให้ข้อเท็จจริงและรายละเอียดมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับความร่วมมือ ดังนั้นผู้สัมภาษณ์ควรปฏิบัติดังนี้..
2.1 สร้างความเป็นกันเอง(ในกรณีสัมภาษณ์บุคคลทั่วไป) ให้อิสระในการตอบ
2.2 ให้ความสนใจ จริงใจ แม้ว่าเรื่องที่พูดเราจะรู้ข้อมูลอยู่เเล้ว
2.3 ไม่ควรถามคำถามที่ทำให้เสียศักดิ์ศรีหรือเป็นจุดบกพร่องของผู้ถูกสัมภาษณ์

3.ควรเเจ้งวัตถุประสงค์การสัมภาษณ์ล่วงหน้า

4.อย่าให้มีอคติทางอารมณ์เกิดขึ้นกับผู้ถูกสัมภาษณ์

5.ไม่ควรให้เวลาในการสัมภาษณ์นานเกินไป ใช้คำถามที่รวบรัด

ขั้นตอนการสัมภาษณ์

1.ขั้นตอนเริ่มสัมภาษณ์   ผู้สัมภาษณ์จะต้องแนะนำตัวเอง บอกจุดมุ่งหมายของการสัมภาษณ์ พร้อมั้งพยายามชี้เเนะว่าเขามีส่วนสำคัญในการช่วยทำให้งานสัมภาษณ์เก็บข้อมูลนี้สำเร็จด้วยดี อาจจะชวนคุยในรื่องอื่นๆก่อน เพื่อให้ผู้ถูกสัมภาษณ์เกิดความไว้วางใจ ถ้าจะมีการบันทึกวิดิโอต้องบอกผู้ถูกสัมภาษณ์ก่อนด้วย

2.ขั้นตอนสัมภาษณ์เนื้อหา   ผู้สัมภาษณืควรคำนึงถึงหลักการดังนี้..
2.1 คำถามควรสั้นกระชับ และปล่อยให้ผู้ถูกสัมภาษณ์มีอิสระในการตอบ
2.2 อย่าวิพากวิจารณ์ผู้ให้สัมภาษณ์ เมื่อผู้ถูกสัมภาษณ์ให้ข้อมูลที่ขัดแย้งกับที่สังคมยอมรับ
2.3 อย่าใช้คำถามที่เป็นการชี้เเนะคำตอบ ใช้คำถามปลายเปิด เพื่อให้ได้ข้อมูลความคิดเห็นของผู้ถูกสัมภาษณ์
2.4 ไม่ควรเร่งรัดหรือคาดคั้นคำตอบจากผู้ถูกสัมภาษณ์
2.5 ในกรณีที่ผู้ถูกสัมภาษณ์ยังให้คำตอบไม่ชัดเจนหรือครอบคลุมเกินไป อาจจผ่านคำถามนั้นไปก่อน เมื่อสัมภาษณ์เสร็จค่อยวกกลับมาคำถามเดิม โดยพูดเชิงทบทวนคำตอบ

3.ขั้นตอนยุติการสัมภาษณ์   กล่าวขอบคุณผู้ถูกสัมภาษณ์ที่ให้ความร่วมมือในการสัมภาษณ์เป็นอย่างดี โดยอาจจะมอบของขวัญเล็กๆน้อยๆ เช่น การ์ดขอบคุณ ขนม เป็นการขอบคุณ

การจดบันทึกคำตอบในการสัมภาษณ์

1.จดบันทึกทันทีหลังจากจบการสัมภาษณ์ เพื่อกันลืม

2.รายละเอียดที่ควรบันทึกมีดังนี้..
2.1 ชื่อผู้ถูกสัมภาษณ์
2.2 ที่อยู่ผู้ถูกสัมภาษณ์
2.3 วันที่สัมภาษณ์
2.4 ผลการสัมภาษณ์ ได้แก่..
-เรื่องที่สัมภาษณ์
-คำตอบที่ได้จากการสัมภาษณ์
-ความคิดเห็นของผู้ถูกสัมภาษณ์ต่อปัญหา
-ข้อสังเกตุที่ได้จากการสัมภาษณ์
-สรุปข้อเสนอเเนะและผลการสัมภาษณ์

3.บันทึกแต่เนื้อหาสาระเท่านั้น ไม่ควรเติมความคิดเห็นส่วนตัวลงไป

4.หากมีข้อใดที่ไม่ได้คำตอบ ควรเขียนเหตุผลลงไปด้วย


30/6/59

                            วันนี้ฉันนัดพบครอบครัวพี่แปมเพื่อฝึกการลงพื้นที่สำรวจชุมชนเป็นการฝึกฝนวิธีการลงพื้นที่ก่อนที่จะได้ลงมือทำจริงในโครงงานของพวกเรา สำหรับงานนี้เอง เรื่องมีอยู่ว่า รัฐบาลมีนโยบายก่อสร้างถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นเเนวยาว 14 กม. ซึ่งถนนนี้เองจะถูกยกขึ้นสูง ทำให้ต้องรื้อบ้านและชุมชนบริเวณนั้น โดยรัฐบาลได้บอกว่าจะสร้างถนนนี้ขึ้น เพื่อให้ผู้คนด้านนอกได้เข้ามาชมวิวทิวทัศน์ เดินเล่น ฯลฯ

                             คนกลุ่มหนึ่งที่มีชื่อว่า Friends of the river เห็นว่าการสร้างถนนนี้เอง ทำให้ต้องรื้อชุมชนบริเวณนี้ทั้งหมดออก เป็นเรื่องที่ไม่สมควร เพราะชุมชนที่นี่เป็นชุมชนที่มีอยู่มานานมากเเล้ว มีความสำคัญมาก ดังนั้นพวกเขาจึง ตั้งใจจะลงพื้นที่สำรวจเเละสัมภาษณ์ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ เพื่อหาเอกลักษณ์ จุดเด่น ความสำคัญ และความคิดเห็นของผู้คน ไปนำเสนอกับรัฐบาล เพื่อให้รัฐบาลหยุดการก่อสร้างไว้ก่อน และมาคุยกันด้วยเหตุผล ซึ่งนี่เองคือจุดเริ่มต้นที่ฉันเเละพี่แปม ซึ่งรับหน้าที่เป็นผู้สัมภาษณ์ได้ลองมาหาประสบการณ์การสัมภาษณ์ที่นี่นั่นเอง

                              เมื่อมาถึง แม่อ้อได้เกริ่นนำให้พวกเราก่อน โดยถามพวกเราว่า เมื่อพูดถึงถึงคำว่า"ชุมชน"เรานึกถึงอะไรบ้าง และสิ่งที่เรานึกกันออกมาก็มีดังนี้..

1.บ้านเรือน
2.ผู้คน
3.อาหาร
4.วัฒนธรรม
5.วัด
6.โรงเรียน
                                                                               ฯลฯ

                             เมื่อเหล่าพี่ๆนักศึกษามากัน เราจึงรู้ว่าในวันนี้ พี่ๆจะมาเดินสำรวจก่อนเพื่อให้ได้รู้ว่าสถานที่ที่มีอยู่ในเเผนที่นี้ คือบริเวณใด ถึงเเม้ว่าวันนี้ฉันเเละพี่แปมจะไม่ได้ลงมือฝึกสัมภาษณ์จริงก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็จะได้มาคอยสังเกตุการณ์วิธีการลงพื้นที่ ว่าพี่ๆเขามีหลักการอย่างไรบ้าง จากที่สังเกตุดู สิ่งที่จำเป็นต้องใช้ในการลงพื้นที่มีดังนี้

1.แผนที่
2.น้ำ
3.อัธยาศัยที่ดี

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ดูจะจำเป็นมากในการลงสำรวจพื้นที่ พวกเราเดินตามพี่ๆนักศึกษาไปเรื่อยๆ ในวันนี้เราลงสำรวจ 6 ชุมชนด้วยกัน สังเกตุได้ว่าในเเต่ละชุมชนจะมีวัดทุกชุมชน เสมือนกับว่าวัดคือศูนย์กลางของชุมชนเลยนั่นเอง เเละชุมชนนั้นก็จะมีชื่อเหมือนกับวัดซึ่งเป็นศูนย์กลางของชุมชน เช่น ชุมชนวัดสิงห์หรือชุมชนวัดบวรมงคล เป็นต้น
                              เเต่ละชุมชนมักจะสถานที่หรือของต่างๆที่มีมานานเเล้ว ไม่ว่าจะเป็น ต้นโพธิ์อายุมากเเล้ว ซึ่งต้นโพธิ์ต้นนี้ได้ปกคลุมเจดีย์เก่าแก่ เมื่อพวกเราได้เจอกับชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ พี่ๆก็เข้าไปถามด้วยอัธยาศัยที่ดีเเละเป็นกันเองถึงเจดีย์นั้น ทำให้เราได้ข้อมูลซึ่งเล่ากันมาปากต่อปากว่า เจดีย์นี้สร้างไว้นานเเล้ว โดยในเจดีย์จะบรรจุพระเครื่องไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อน้ำขึ้น น้ำจึงกัดเซาะเจดีย์ตามกาลเวลา ทำให้พระเครื่องไหลออกมาตามน้ำ ชาวบ้านต่างก็พากันมาเก็บไป ตอนนี้ในเจดีย์จึงว่างเปล่าเเล้ว
                              เราเดินมาเห็นว่าวัดเเต่ละชุมชนนั้นถูกสร้างมานานมากเเล้ว เเละมีความสวยงามในตัวของมันเอง ถึงเเม้วัดจะเก่าเเต่ฉันรู้สึกถึงความโบราณศักดิ์สิทธิ์ มีไก่เเจ้เดินหาอาหารตามพื้นดินซึ่งฉันรู้สึกว่ามันเป็นภาพที่หาได้ยากในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานครฯ
                           
                              เราเดินกันมาหลายชั่วโมง เดินมามากกว่า 20,000 ก้าว ในวันนี้จากการได้มาสังเกตุการณ์ เฝ้าดูพี่ๆลงพื้นที่ ทำให้ฉันเห็นว่าการลงพื้นที่ต้องทำอย่างไรบ้าง การถามหาข้อมูลเล็กๆน้อยๆจากชาวบ้านต้องมีความกันเอง เเละไม่ถามเยอะเกินไปจนทำให้เกิดความระเเวง ก่อนจะถ่ายรูปอะไรก็ต้องขออนุญาตก่อนทุกครั้งตามมรรยาทที่ดี และไม่เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอีกด้วย และเห็นว่าชุมชนที่พวกเรามาลงพื้นที่สำรวจนี้มีความสวยงามเเละวัฒนธรรมที่ดีงาม ควรค่าที่จะอนุรักษ์เอาไว้






เรียนทำวิดิโอ

                                                          Project Base Learning ที่บางรัก

                           เราตัดสินใจจะเริ่มทำ Project Base Learning เเล้ว หลังจากที่พวกเราผ่านการฝึกฝนทักษะด้านต่างๆมาเเล้วระยะหนึ่ง(21st centery skills) ถึงเวลาลงมือทำงานจริง ที่บางรักเป็นที่ที่่กำลังจะพัฒนาชุมชน

                           การพัฒนาชุมชนคือขบวนการที่กำหนดขึ้นเองเพื่อส่งเสริมเเละปรับปรุงภาวะต่างๆทางเศษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมของท้องถิ่นต่างๆให้ดีขึ้นซึ่งเป็นการทำร่วมกันของผู้คนในท้องถิ่นนั้นเอง ทำให้เจริญขึ้น ปรับปรุงกลุ่มคนให้ดีขึ้น การพัฒนาความคิด

                           เขตบางรักเป็น 1 ใน 50 เขตการปกครองของกรุงเทพมหานคร อยู่ในเขตลุมพินี ซึ่งถือเป็นเขตศูนย์กลางธุรกิจ การค้า และการทูต เขตบางรักอยู่ริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา
อำเภอบางรักถูกก่อตั้งขึ้นในรัชกาลที่ ๕ ในวันที่ 5/6/2450 ต่อมาในพ.ศ.2515 ได้มีประกาศจัดตั้งกรุงเทพมหานครขึ้นเเทนที่นครหลวงกรุงเทพธนบุรี ซึ่งนครหลวงกรุงเทพธนบุรีเกิดจากการรวมกันของ จังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรี อำเภอบางรักจึงได้เปลี่ยนเป็นเขตบางรัก

เขตบางรักมีพื้นที่ 5.536 และจำนวนประชากรอยู่ที่ประมาณ 46,898 คน(มกราคม2559)เขตบางรักถูกแบ่งออกเป็น 5 แขวงด้วยกัน นั่นคือ..
มหาพฤฒาราม
สีลม
สุริยวงศ์
บางรัก
สี่พระยา


                                                   เรียนการเขียนสตอรี่บอร์ดและตัดต่อ

25/6/59
                            วันนี้เรามาเรียนเรื่องของการเขียนสตอรี่บอร์ดและการตัดต่อกับครูกานต์ เพื่อเสริมทักษะในด้านนี้

หลักการคิด script
1.หาแนวคิด
2.มีข้อมูล
3.วิดิโอนี้สำหรับใครดู

เพื่อให้พวกเราเห็นภาพ ครูจึงชวนเราลองสมมุติการทำวิดิโอเรื่องของบางรัก

2.มีข้อมูล
ข้อมูลที่เราควรมีคือดังนี้..

1.อธิบายว่าบางรักคืออะไร(สำหรับคนที่ไม่รู้จักบางรักมาก่อน)
2.ภาพรวมของบางรัก
3.ปัญหาที่มีอยู่
4.ทางแก้
5.ความเเตกต่างระหว่างอดีตจนถึงปัจจุบัน
6.ข้อดีและข้อเสียของการพัฒนาชุมชน

คำถามที่เราควรจะถามผู้คนในละเเวกนั้น..
1.รู้สึกอย่างไรบ้างกับการพัฒนาชุมชน
2.คิดว่าควรจะพัฒนาชุมชนในด้านใดบ้าง
3.มีความสุขหรือไม่
4.คิดว่าผลกระทบต่อมาคืออะไร

3.สำหรับใคร
เราช่วยกันคิดว่าวิดิโอนี้ น่าจะถูกสร้างมาเพื่อให้ใครดูเป็นหลัก
1.นักศึกษา
2.คนรุ่นใหม่
ช่วงอายุราวๆ 25-40 ปี

                            ดังนั้นวิดิโอนี้ เราจะต้องออกแบบมาให้ตอบสนองต่อคนดู ต้องเป็นวิดิโอที่ทำให้คนอยากดู ครูจึงให้เราคิดกันว่าถ้าเป็นเราดูวิดิโอแบบใด เราถึงจะชอบและสนใจอยากจะดูต่อจนจบ ซึ่งเราทุกคนตอบมาเหมือนกันหมด นั่นคือ วิดิโอนี้ต้องสนุกไม่น่าเบื่อ ครูจึงถามต่อว่าเวลาเราดูหนังที่สนุก หนังจะต้องประกอบไปด้วยอะไรบ้าง..

แอ็คชั่น
ตลก/เสียดสี
สวยงาม/มีหวังหวัง
อบอุ่นหัวใจ

ครูจึงให้คิดกันต่อว่าเราจะเอาเนื้อหาในวิดิโอมาตอบโจทย์ความสนุกอย่างไรได้บ้าง..

แอ็คชั่น                                            อาจจะเป็นคนเถียงกัน
ตลก/เสียดสี                                     อาจจะเป็นภาพบรรยากาศและคำบรรยายที่ขัดแย้งกัน
สวยงาม/มีหวัง                                 มีสิ่งใหม่ ได้สิ่งที่หวังเอาไว้
อบอุ่นหัวใจ                                      ภาพแม่-ลูก/เด็กวิ่งเล่นกัน

                            ครูบอกว่าในหลักการทำวิดิโอนั้น จะใช้หลักการจัดเรื่องราวนั้นๆให้อยู่ในหมวดหมู่อริสัจหรือจตุราริยสัจ นั่นคือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค

                            อริยสัจ เป็นหลักคำสอนหนึ่งของพระพุธเจ้า แปลว่า ความจริงอันประเสริฐ ความจริงที่ทำให้ผู้เข้าถึงกลายเป็นอริยสัจ มีอยู่ ๔ ประการคือ..

1.ทุกข์                  คือสภาพที่ทนได้ยาก ภาวะที่ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ สภาพที่บีบคั้น ได้เเก่ ชาติ(การเกิด)ชรา(การแก่ การเก่า)มรณะ(การตาย การสลายไป) พูดโดยง่าย ทุกข์คืออุปาทานขันธ์หรือขันธ์ 5

2.สมุทัย               คือสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ได้แก่ตัณหาทั้ง 3 คือ กามตัณหา (ความทะยานอยากในกาม,ความอยากในกามารมณ์)ภวตัณหา(ความอยากเป็นโน่นเป็นนี่,ความอยาก)และวิภวตัณหา(ความไม่อยากเป็นโน่นเป็นนี่)

3.นิโรธ                 คือความดับทุกข์ ได้แก่ดับสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์(ดับตัณหาทั้งสาม)

4.มรรค                 คือแนวปฏิบัติที่นำไปสู่การดับทุกข์ มีอยู่แปดประการ คือ..
4.1 สัมมาทิฏฐฺิ(ความเห็นชอบ)
4.2 สัมมาสังกัปปะ(ความดำริชอบ)
4.3 สัมมาวาจา(เจรจาชอบ)
4.4สัมมากัมมันตะ(ทำการงานชอบ)
4.5 สัมมาอาชีวะ(เลี้ยงชีพชอบ)
4.6 สัมมาวายามะ(พยายามชอบ)
4.7 สัมมาสติ(ระลึกชอบ)
4.8 สัมมาสมาธิ(ตั้งใจชอบ)

 ในวิดิโอของเรา เราสามารถยึดหลักการนี้มาใช้ได้ จะเรียงอย่างไรก่อนก็ได้

                            ครูสอนเรื่องของมุมภาพ โดยใช้หนังสือการ์ตูนช่องๆเป็นตัวช่วยให้เราเข้าใจกันมากขึ้น มุมแต่ละมุมจะมีความหมายไม่เหมือนกัน เช่น มุมกว้าง คือมุมที่เป็นภาพใหญ่ภาพเดียว เพื่อเล่าเรื่องราว ให้เห็นบรรยากาศโดยรอบของเรื่องราวที่ดำเนินอยู่ มุมสูงหรือมุมด้านบน จะมีความหมายให้อารมณ์ถึงความสงสาร ต้อยต่ำ โดดเดี่ยว อ้างว้าง เหมือนกับเวลาที่พระเจ้ามองลงมาจากด้านบน จากนั้นครูก็นำอุปกรณ์สำหรับถ่ายทำวิดิโอออกมาให้พวกเราดู อุปกรณ์ทั้งหมายของครูมีดังนี้..

ด้านภาพ
1.กล้อง
2.เลนส์และเลนส์เสริม
3.แบตเตอร์รีและแบตเตอร์รีสำรองสัก 1-4 อัน
4.เอสดีการ์ด
5.ฟิลเตอร์ ทำหน้าที่ตัดแสง
6.เลนส์มาโคร สำหรับถ่ายอะไรที่มีขนาดเล็กหรือละเอียด
7.ขาตั้งกล้อง

ด้านเสียง
1.ไมโครโฟน short gun สำหรับต่อกับกล้อง ถ้าใช้สำหรับเก็บเสียงหลายคน สามารถต่อสายได้
2.ไมค์สัมภาษณ์หรือไมค์เหน็บ

ด้านเเสง
1.ไฟ LED สำหรับช่วยให้ความสว่าง
2.ฟิลเตอร์สี เผื่ออยากเปลี่ยนเป็นสีต่างๆให้เข้ากับบรรยากาศ

                             การทำวิดิโอขึ้นมา จะมีคนทำงานในตำแหน่งต่างๆ ได้แก่ ตากล้องหรือช่างภาพ ผู้ตัดต่อ ผู้เขียนสคริป และผู้สัมภาษณ์ เราต่างก็เลือกที่จะทำงานในงานที่ตัวเองถนัดที่สุด ฉันเองรับหน้าที่สัมภาษณ์ผู้คน