การสัมภาษณ์
การสัมภาษณ์คือการคุยอย่างมีจุดมุ่งหมาย ถามสิ่งที่อยากรู้อย่างมีวัตถุประสงค์ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดทัศนคติของผู้ถูกสัมภาษณ์
ก่อนที่จะทำการสัมภาษณ์ ควรเตรียมข้อมูลในเรื่องที่จะเอามาถามผู้ถูกสัมภาษณ์ด้วยสักเล็กน้อย ต้องขออนุญาติก่อนทำการสัมภาษณ์ทุกครั้ง เพื่อเเจ้งให้ผู้ถูกสัมภาษณ์รับทราบว่าจะถูกสัมภาษณ์ อัดวิดิโอ หรืออัดเสียง และถ้าจะถ่ายภาพหรืออัดวิดิโอเด็กที่มีอายุต่ำว่า 18 ปี จะต้องได้รับการยินยอมอนุญาติจากพ่อแม่ก่อน มิฉะนั้น พ่อแม่สามารถแจ้งข้อหาได้หากไม่ยินยอม
ประเภทของการสัมภาษณ์
1.การสัมภาษณ์แบบเป็นทางการ เป็นการสัมภาษณ์ที่สัมภาษณ์ผู้ใหญ่ในตำแหน่งสูง ควรจะส่งคำถามที่จะถามล่วงหน้าไปให้ก่อน เพื่อที่ผู้ถูกสัมภาษณ์จะได้รู้ว่าจะต้องเตรียมตัวตอบคำถามใดบ้าง และควรจะนัดวันสัมภาษณ์ล่วงหน้าก่อน แต่งกายสุภาพเรียบร้อย ให้ถูกต้องตามกาลเทศะ
2.การสัมภาณ์แบบไม่เป็นทางการ เป็นการสัมภาษณ์ผู้คนทั่วไป ต้องขออนุญาติก่อนสัมภาษณ์ทุกครั้ง อาจใช้วิธีการพูดที่เป็นกันเอง เพื่อที่ผู้ถูกสัมภาษณ์จะได้รู้สึกผ่อนคลาย และตอบคำถามอย่างไม่อึดอัด
แต่ไม่ว่าจะเป็นการสัมภาษณ์แบบใดก็ตาม ก็ต้องใช้คำที่สุภาพทั้งสิ้น ใช้ภาษาให้ถูกต้อง
หลักเกณฑ์การสัมภาษณ์
1.ผู้สัมภาษณ์ต้องมีจุดหมายที่ชัดเจนว่าต้องการรู้ข้อมูลใดจากผูู้ถูกสัมภาษณ์
2.ผู้สัมภาษณ์ต้องเตรียมคำถามไว้ก่อนล่วงหน้า
3.ผู้สัมภาษณ์ต้องสร้างบรรยากาศเป็นกันเอง(ในกรณีที่สัมภาษณ์แบบไม่เป็นทางการ สัมภาษณ์บุคคลทั่วไป)เพื่อให้ผู้ถูกสัมภาษณ์ผ่อนคลาย ยิ้มแย้มเเจ่มใส
4.ผู้สัมภาษณ์ควรรู้ข้อมูลในเรื่องที่จะนำมาสัมภาษณ์ไว้บ้าง เพื่อจะได้ช่วยในการสรุปผล และช่วยในการตั้งคำถามเสริมขณะสัมภาษณ์
5.จดบันทึกเนื้อหาจากการสัมภาษณ์อย่างรวดเร็ว เก็บบันทึกในขั้นตอนที่สำคัญ
การใช้การสัมภาษณ์
การสัมภาษณ์จะต้องมีข้อระวังดังนี้..
1.ผลของการสัมภาษณ์ขึ้นอยู่กับวิธีการ ลักษณะ และคำถามที่จะใช้ของผู้สัมภาษณ์ ผู้สัมภาษณืจึงควรมีลักษณะดังนี้..
1.1 เตรียมตัวให้พร้อม แต่งตัวให้ถูกต้องตามกาลเทศะ
1.2 คล่องแคล่วในการใช้คำถามและสรุปผล
1.3พยายามถามในเรื่องที่ผู้ถูกสัมภาษณ์อยากจะตอบ
2.ผู้ถูกสัมภาษณ์จะให้ข้อเท็จจริงและรายละเอียดมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับความร่วมมือ ดังนั้นผู้สัมภาษณ์ควรปฏิบัติดังนี้..
2.1 สร้างความเป็นกันเอง(ในกรณีสัมภาษณ์บุคคลทั่วไป) ให้อิสระในการตอบ
2.2 ให้ความสนใจ จริงใจ แม้ว่าเรื่องที่พูดเราจะรู้ข้อมูลอยู่เเล้ว
2.3 ไม่ควรถามคำถามที่ทำให้เสียศักดิ์ศรีหรือเป็นจุดบกพร่องของผู้ถูกสัมภาษณ์
3.ควรเเจ้งวัตถุประสงค์การสัมภาษณ์ล่วงหน้า
4.อย่าให้มีอคติทางอารมณ์เกิดขึ้นกับผู้ถูกสัมภาษณ์
5.ไม่ควรให้เวลาในการสัมภาษณ์นานเกินไป ใช้คำถามที่รวบรัด
ขั้นตอนการสัมภาษณ์
1.ขั้นตอนเริ่มสัมภาษณ์ ผู้สัมภาษณ์จะต้องแนะนำตัวเอง บอกจุดมุ่งหมายของการสัมภาษณ์ พร้อมั้งพยายามชี้เเนะว่าเขามีส่วนสำคัญในการช่วยทำให้งานสัมภาษณ์เก็บข้อมูลนี้สำเร็จด้วยดี อาจจะชวนคุยในรื่องอื่นๆก่อน เพื่อให้ผู้ถูกสัมภาษณ์เกิดความไว้วางใจ ถ้าจะมีการบันทึกวิดิโอต้องบอกผู้ถูกสัมภาษณ์ก่อนด้วย
2.ขั้นตอนสัมภาษณ์เนื้อหา ผู้สัมภาษณืควรคำนึงถึงหลักการดังนี้..
2.1 คำถามควรสั้นกระชับ และปล่อยให้ผู้ถูกสัมภาษณ์มีอิสระในการตอบ
2.2 อย่าวิพากวิจารณ์ผู้ให้สัมภาษณ์ เมื่อผู้ถูกสัมภาษณ์ให้ข้อมูลที่ขัดแย้งกับที่สังคมยอมรับ
2.3 อย่าใช้คำถามที่เป็นการชี้เเนะคำตอบ ใช้คำถามปลายเปิด เพื่อให้ได้ข้อมูลความคิดเห็นของผู้ถูกสัมภาษณ์
2.4 ไม่ควรเร่งรัดหรือคาดคั้นคำตอบจากผู้ถูกสัมภาษณ์
2.5 ในกรณีที่ผู้ถูกสัมภาษณ์ยังให้คำตอบไม่ชัดเจนหรือครอบคลุมเกินไป อาจจผ่านคำถามนั้นไปก่อน เมื่อสัมภาษณ์เสร็จค่อยวกกลับมาคำถามเดิม โดยพูดเชิงทบทวนคำตอบ
3.ขั้นตอนยุติการสัมภาษณ์ กล่าวขอบคุณผู้ถูกสัมภาษณ์ที่ให้ความร่วมมือในการสัมภาษณ์เป็นอย่างดี โดยอาจจะมอบของขวัญเล็กๆน้อยๆ เช่น การ์ดขอบคุณ ขนม เป็นการขอบคุณ
การจดบันทึกคำตอบในการสัมภาษณ์
1.จดบันทึกทันทีหลังจากจบการสัมภาษณ์ เพื่อกันลืม
2.รายละเอียดที่ควรบันทึกมีดังนี้..
2.1 ชื่อผู้ถูกสัมภาษณ์
2.2 ที่อยู่ผู้ถูกสัมภาษณ์
2.3 วันที่สัมภาษณ์
2.4 ผลการสัมภาษณ์ ได้แก่..
-เรื่องที่สัมภาษณ์
-คำตอบที่ได้จากการสัมภาษณ์
-ความคิดเห็นของผู้ถูกสัมภาษณ์ต่อปัญหา
-ข้อสังเกตุที่ได้จากการสัมภาษณ์
-สรุปข้อเสนอเเนะและผลการสัมภาษณ์
3.บันทึกแต่เนื้อหาสาระเท่านั้น ไม่ควรเติมความคิดเห็นส่วนตัวลงไป
4.หากมีข้อใดที่ไม่ได้คำตอบ ควรเขียนเหตุผลลงไปด้วย
30/6/59
วันนี้ฉันนัดพบครอบครัวพี่แปมเพื่อฝึกการลงพื้นที่สำรวจชุมชนเป็นการฝึกฝนวิธีการลงพื้นที่ก่อนที่จะได้ลงมือทำจริงในโครงงานของพวกเรา สำหรับงานนี้เอง เรื่องมีอยู่ว่า รัฐบาลมีนโยบายก่อสร้างถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นเเนวยาว 14 กม. ซึ่งถนนนี้เองจะถูกยกขึ้นสูง ทำให้ต้องรื้อบ้านและชุมชนบริเวณนั้น โดยรัฐบาลได้บอกว่าจะสร้างถนนนี้ขึ้น เพื่อให้ผู้คนด้านนอกได้เข้ามาชมวิวทิวทัศน์ เดินเล่น ฯลฯ
คนกลุ่มหนึ่งที่มีชื่อว่า Friends of the river เห็นว่าการสร้างถนนนี้เอง ทำให้ต้องรื้อชุมชนบริเวณนี้ทั้งหมดออก เป็นเรื่องที่ไม่สมควร เพราะชุมชนที่นี่เป็นชุมชนที่มีอยู่มานานมากเเล้ว มีความสำคัญมาก ดังนั้นพวกเขาจึง ตั้งใจจะลงพื้นที่สำรวจเเละสัมภาษณ์ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ เพื่อหาเอกลักษณ์ จุดเด่น ความสำคัญ และความคิดเห็นของผู้คน ไปนำเสนอกับรัฐบาล เพื่อให้รัฐบาลหยุดการก่อสร้างไว้ก่อน และมาคุยกันด้วยเหตุผล ซึ่งนี่เองคือจุดเริ่มต้นที่ฉันเเละพี่แปม ซึ่งรับหน้าที่เป็นผู้สัมภาษณ์ได้ลองมาหาประสบการณ์การสัมภาษณ์ที่นี่นั่นเอง
เมื่อมาถึง แม่อ้อได้เกริ่นนำให้พวกเราก่อน โดยถามพวกเราว่า เมื่อพูดถึงถึงคำว่า"ชุมชน"เรานึกถึงอะไรบ้าง และสิ่งที่เรานึกกันออกมาก็มีดังนี้..
1.บ้านเรือน
2.ผู้คน
3.อาหาร
4.วัฒนธรรม
5.วัด
6.โรงเรียน
ฯลฯ
เมื่อเหล่าพี่ๆนักศึกษามากัน เราจึงรู้ว่าในวันนี้ พี่ๆจะมาเดินสำรวจก่อนเพื่อให้ได้รู้ว่าสถานที่ที่มีอยู่ในเเผนที่นี้ คือบริเวณใด ถึงเเม้ว่าวันนี้ฉันเเละพี่แปมจะไม่ได้ลงมือฝึกสัมภาษณ์จริงก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็จะได้มาคอยสังเกตุการณ์วิธีการลงพื้นที่ ว่าพี่ๆเขามีหลักการอย่างไรบ้าง จากที่สังเกตุดู สิ่งที่จำเป็นต้องใช้ในการลงพื้นที่มีดังนี้
1.แผนที่
2.น้ำ
3.อัธยาศัยที่ดี
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ดูจะจำเป็นมากในการลงสำรวจพื้นที่ พวกเราเดินตามพี่ๆนักศึกษาไปเรื่อยๆ ในวันนี้เราลงสำรวจ 6 ชุมชนด้วยกัน สังเกตุได้ว่าในเเต่ละชุมชนจะมีวัดทุกชุมชน เสมือนกับว่าวัดคือศูนย์กลางของชุมชนเลยนั่นเอง เเละชุมชนนั้นก็จะมีชื่อเหมือนกับวัดซึ่งเป็นศูนย์กลางของชุมชน เช่น ชุมชนวัดสิงห์หรือชุมชนวัดบวรมงคล เป็นต้น
เเต่ละชุมชนมักจะสถานที่หรือของต่างๆที่มีมานานเเล้ว ไม่ว่าจะเป็น ต้นโพธิ์อายุมากเเล้ว ซึ่งต้นโพธิ์ต้นนี้ได้ปกคลุมเจดีย์เก่าแก่ เมื่อพวกเราได้เจอกับชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ พี่ๆก็เข้าไปถามด้วยอัธยาศัยที่ดีเเละเป็นกันเองถึงเจดีย์นั้น ทำให้เราได้ข้อมูลซึ่งเล่ากันมาปากต่อปากว่า เจดีย์นี้สร้างไว้นานเเล้ว โดยในเจดีย์จะบรรจุพระเครื่องไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อน้ำขึ้น น้ำจึงกัดเซาะเจดีย์ตามกาลเวลา ทำให้พระเครื่องไหลออกมาตามน้ำ ชาวบ้านต่างก็พากันมาเก็บไป ตอนนี้ในเจดีย์จึงว่างเปล่าเเล้ว
เราเดินมาเห็นว่าวัดเเต่ละชุมชนนั้นถูกสร้างมานานมากเเล้ว เเละมีความสวยงามในตัวของมันเอง ถึงเเม้วัดจะเก่าเเต่ฉันรู้สึกถึงความโบราณศักดิ์สิทธิ์ มีไก่เเจ้เดินหาอาหารตามพื้นดินซึ่งฉันรู้สึกว่ามันเป็นภาพที่หาได้ยากในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานครฯ
เราเดินกันมาหลายชั่วโมง เดินมามากกว่า 20,000 ก้าว ในวันนี้จากการได้มาสังเกตุการณ์ เฝ้าดูพี่ๆลงพื้นที่ ทำให้ฉันเห็นว่าการลงพื้นที่ต้องทำอย่างไรบ้าง การถามหาข้อมูลเล็กๆน้อยๆจากชาวบ้านต้องมีความกันเอง เเละไม่ถามเยอะเกินไปจนทำให้เกิดความระเเวง ก่อนจะถ่ายรูปอะไรก็ต้องขออนุญาตก่อนทุกครั้งตามมรรยาทที่ดี และไม่เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอีกด้วย และเห็นว่าชุมชนที่พวกเรามาลงพื้นที่สำรวจนี้มีความสวยงามเเละวัฒนธรรมที่ดีงาม ควรค่าที่จะอนุรักษ์เอาไว้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น