วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

นิทรรศการพม่าระยะประชิด

24/7/59

                            พวกเรานัดกันมาเพื่อคุยกันเรื่องโครงงานและมาเข้าชมดูนิทรรศการพม่าระยะประชิด ที่มิวเซียมสยาม

                            ก่อนหน้านี้ แม่บี๋เล่าให้พวกเราฟัง ว่าแม่บี๋ได้ไปคุยกับครูโมผู้อำนวยการโรงเรียนรุ่งอรุณ ครูโมเห็นว่ามีนักเรียนชั้นมัธยมต้นที่สนใจเข้าร่วมอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งก็รวมฉันอยู่ในนั้นด้วย ครูโมจึงอนุญาตให้พวกเราสามารถเเยกกลุ่มกันทำได้ โดยในเเต่ละกลุ่มนั้น จะต้องประกอบไปด้วยสมาชิกไม่ต่ำกว่า 4 คน ขึ้นอยู่กับตัวพวกเราเองว่าอยากจะเเยกกลุ่มกันทำหรือไม่
                            ฉันได้เก็บมาคิดเเละคิดว่าฉันอยากจะเเยกกลุ่มออกมาทำโครงงานอีกเรื่องหนึ่ง ฉันจึงลองถามเพื่อนๆคนอื่นๆดูว่าเเต่ละคนคิดกันอย่างไรกับเรื่องเเยกกลุ่มทำ ก็ทำให้รู้ว่าเพื่อนจำนวนหนึ่งก็อยากทำโครงงานอื่นมากกว่าที่จะทำเรื่องการพัฒนาชุมชนที่บางรัก และพวกเราก็เลือกหัวข้อมาอย่างหนึ่งเพื่อทำโครงงาน นั่นคือการทำโครงงานเกี่ยวกับหมาจรจัด เพราะเป็นสิ่งที่พวกเรารู้สึกสนใจร่วมกัน
                         
                             ดังนั้นในวันนี้ พวกเราจึงบอกกับทุกคนถึงเรื่องที่อยากจะเเยกออกมาทำโครงงานเรื่องหมาจรจัด ทุกคนก็ไม่ว่าอะไร เพราะเรื่องการแยกกลุ่มออกมานี้ เป็นการตัดสินใจของพวกเราเอง เพราะการทำโครงงานนี้จะต้องใช้เวลาทำเป็นเวลานาน หากฝืนทำในสิ่งที่ไม่ค่อยสนใจ อาจจะทำให้งานออกมามีประสิทธิภาพไม่ดีเท่าที่ควรนั่นเอง

                             ตอนนี้กลุ่มโครงงานหมาจรจัดของพวกเรามีสมาชิกทั้งหมด 8 คนด้วยกัน ได้แก่..
- พี่เเนน
- พี่แปม
- พี่ซี
- ฉัน(มะลิ)
- ข้าวปุ้น
- ขมิ้น
-ปุ้น
-ปั้น

แต่สำหรับคนที่มาในวันนี้มี ฉัน พี่แปม ขมิ้น ปุ้นและปั้น พวกเราจึงช่วยกันคิดออกมาคร่าวๆก่อน พวกเราจะต้องเขียนเเผนโครงงาน ว่าเราจะทำโครงงานในเรื่องอะไรเเละตารางเวลาการเรียนรู้เพื่อเอาไปนำเสนอโรงเรียนรุ่งอรุณ ดังนั้นสิ่งเเรกที่พวกเราต้องช่วยกันคิดคือ ช่วยกันคิดว่าพวกเราอยากจะเรียนรู้เรื่องหมาจรจัดในส่วนไหนบ้าง ฉัน พี่แปม ขมิ้น ปุ้นเเละปั้นช่วยกันคิดออกมาคร่าวๆดังนี้..

อยากรู้อะไรบ้าง

1.ผลกระทบของการมีหมาจรจัดมีอะไรบ้าง
2.จำนวนหมาจรจัดทั้งหมดในประเทศไทยมีประมาณกี่ตัว
3.หมาจรจัดส่วนใหญ่อยู่ที่ไหน
4.ต้นเหตุของการเกิดหมาจรจัดคืออะไร/หมาจรจัดมาจากไหน
5.การดูเเลหมาจรจัดในสถานรับเลี้ยง
6.ปัญหาที่เกิดกับหมาจรจัด
7.หมาจรจัดต้องการอะไร
8.วิธีแก้ปัญหาหมาจรจัดที่มีอยู่เเล้วมีอะไรบ้าง
9.ผลกระทบหรือผลลัพธ์ของวิธีแก้ปัญหาหมาจรจัดที่มีอยู่เเล้วมีอะไรบ้าง

ผลกระทบของการมีหมาจรจัด(ต่อตัวหมาจรจัดเอง)
1.แก่งเเย่งอาหารกัน หรืออดอยาก
2.โดนคนทำร้ายขับไล่
3.สุขภาพของหมาจรจัด
ผลกระทบของการมีหมาจรจัด(ต่อคนเเละสังคม)
1.สร้างความรำคาญ เช่นเสียงเห่า/หอน
2.ทำให้คนติดโรคได้ เช่นโดนหมาจรจัดกัด
3.ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ เช่น รถชน
4.ทำให้พื้นที่สาธารณะสกปรกเนื่องจากสิ่งปฏิกูลจากหมาจรจัด
                                                                              ฯลฯ

                             จากนั้น พวกเราก็วางแผนไว้ว่าเมื่อกลับบ้านกันเเล้วก็จะสร้างกลุ่มคุยกันในเฟสบุ๊ค เพื่อความสะดวก เพราะพวกเราคงจะไม่ได้เจอกันบ่อยนัก เนื่องจากเเต่ละคนก็มีงานของตนเอง เเละวางแผนนัดหมายระดมสมองช่วยกันคิดเขียนแผนโครงงานเพื่อนำไปให้โรงเรียนรุ่งอรุณ

                              หลังจากวางแผนกันเสร็จ พวกเราก็ไปเดินดูนิทรรศการพม่าระยะประชิดร่วมกัน โดยจุดประสงค์หลักที่พวกเรามาเดินดูคือ มาดูวิธีการนำเสนองานของนิทรรศการนี้ เพื่อดูไว้เป็นตัวเลือกหรือตัวอย่าง เมื่อพวกเราต้องออกแบบวิธีการนำเสนอในวันประเมินเทอม 2 ท้ายปีนี้ จากที่ได้เดินดูนี้เราสังเกตุวิธีนำเสนอของนิทรรศการ เห็นว่าวิธีการของเขานั้นดีมาก จากที่สังเกตุมา วิธีการนำเสนอของนิทรรศการมีดังนี้..

1.การนำเสนอโดยใช้บัตรใส เมื่อส่องดูผ่านบัตรใสสีเเดงนี้ ตัวหนังสือสีน้ำเงินที่มีตัวหนังสือสีแดงเขียนทับอยู่จะมองเห็นได้ชัดขึ้น เพราะบัตรใสนี้มีสีแดง เมื่อส่องดูบัตรสีเเดงจะช่วยกลืนตัวหนังสือสีแดงไปด้วย ทำให้ตัวหนังสือสีน้ำเงินจะมองเห็นชัดขึ้น โดยสีแดงคือสิ่งที่คนไทยคิดกับคนพม่า ขณะที่สีน้ำเงินคือสิ่งที่คนพม่าคิด ซึ่งการที่นิทรรศการนี้ให้ใช้บัตรใสมาส่องเพื่อให้พวกเราได้เห็นความคิดของคนพม่าชัดขึ้นมา

2.ทำเป็นสามมิติ  นูนขึ้นมา

3.time line

4.การสื่อสารโดยใช้ความเชื่อมโยงระหว่างคำพูดเเละสิ่งของ

5.การนำเสนอเหตุผลของเรื่องต่างๆ โดยการใช้หมอนใสเป่าลมหลายใบ ซึ่ง หมอนนี้สื่อถึงความฝันของคนพม่า เมื่อเวลานอนก็จะนอนฝัน แต่ละใบจะมีสัญลักษณ์เเปะไว้ เเละมีคำอธิบายประกอบเอาไว้ด้วย สัญลักษณ์ที่แปะไว้บนหมอนใสจะต้องสื่อความหมายที่ชัดเจน

6.การวางสัญลักษณ์บางอย่าง เพื่อสื่อสารกับคนดู เป็นนามธรรมเเละความเชื่อมโยง

7.การใช้ตู้ล็อกเกอร์เป็นช่องคำถามในหัวข้อต่างๆ เมื่อเปิดฝาล็อกเกอร์ดู ข้างในก็จะมีคำตอบอยู่ข้างใน

8.มีการติดคำสัมภาษณ์คนพม่าถึงเหตุผลที่มายังประเทศไทย

9.ใช้คำที่กินใจเเละสื่อถึงเรื่องนั้น เช่นเรื่องการทำบุญ

10.ใช้สิ่งของที่สื่อถึงเรื่องนั้นๆ ให้เห็นความเเตกต่างระหว่างสองสิ่ง

11.ใช้ล็อกเกอร์ทำเรื่องต่างๆ

12.การจัดวางชั้นเเสดง

13.การให้เห็นถึงความเห็นที่เเตกต่างของสองสิ่งหรือให้เห็นความเเตกต่างจากหัวข้อเดียวกัน

14.การจัดเเสดงภาพเเละข้อมูล

นอกจากจะได้เห็นวิธีการนำเสนองานของนิทรรศการพม่าระยะประชิดเเบบต่างๆเเล้ว ฉันยังได้ข้อมูลที่มีเเง่คิดมาอีกด้วย..

สงครามมีไว้ทำไม
..จากแบบเรียนประวัติศาสตร์ระดับชาติ เขียนไว้ว่า ความสูญเสียจากสงครามมาจากนำมือของศัตรู เเต่ในประวัติศาตร์ฉบับชาวบ้าน ที่ปรากฏอยู่ในเพลงกล่อมเด็กแสดงให้เห็นอีกแง่มุมว่า ถ้าเลือกได้ ไพร่พลในกองทัพศัตรู ก็ไม่ได้อยากเป็นศัตรูกับใคร..

เนื่องจากประเทษไทยเเละประเทศพม่ามีประวัติทำสงครามกันมาในอดีต และมีจากจดบันทึกเอาไว้เป็นมหาราชวงษ์พงศาวดาร เเต่เหตุการณ์ที่ถูกบันทึกไว้ในพระราชพงศาวดารของเเต่ละประเทศนั้น ดูเหมือนจะขัดเเย้งกัน จากที่ไทยเขียน เขียนไว้ว่าพระมหาอุปราชาของพม่าถูกพระเเสงของพระนเรศวรฟันคร่าชีวิตลง ในขณะที่พม่าเขียนไว้ว่า พระอุปราชาถูกระเบิดจากปืนใหญ่ของไทย ทำให้เห็นว่าหากเราฟังหรืออ่านอยู่เเค่ฝ่ายเดียวหรือฝั่งเดียว โดยที่ไม่ดูที่อีกฝ่ายหนึ่ง ข้อมูลที่ได้มาอาจจะไม่เหมือนกัน และเราก็ไม่ควรตัดสินจากการที่ได้ฟังหรือดูจากฝ่ายเดียว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น